6 ทริค กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อของที่เคาน์เตอร์คิดเงินแบบ more and more!

หน้าปก 6 ทริค กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อของที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

✎ เขียนและ Published เมื่อ 2/11/2020 (อัพเดตล่าสุดตามที่ขึ้นใต้หัวข้อ)

“เพราะ เคาน์เตอร์คิดเงิน ไม่ได้เป็นเพียงจุดชำระเงินเท่านั้น”

แต่มันสามารถสร้างแบรนด์ , สร้างความภักดีและความประทับใจอย่างยั่งยืนของลูกค้า, รวมถึงเพิ่มยอดขายให้ร้านของคุณได้ด้วย! ว่าแต่เทคนิคเหล่านั้นจะมีอะไรบ้างล่ะ? ตามมาอ่านบทความนี้กันเลยค่ะ

Info 6 ทริค กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อของที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

INFO — 6 ทริค กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อของที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

ทำไมบริเวณเคาน์เตอร์คิดเงินถึงกระตุ้นยอดขายได้?

จุดชำระเงินค่าสินค้าในร้าน ไม่ได้มีแค่เคาน์เตอร์คิดเงินเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงทางเดินในบริเวณใกล้เคียงด้วย ขยายความก็คือ ตรงนี้เป็นที่ที่ “ลูกค้าทุกคนของคุณ ต้องเดินผ่านเพื่อออกจากร้าน ไม่ว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าหรือไม่ก็ตาม”

สิ่งสำคัญบริเวณเคาน์เตอร์คิดเงินคือ มันเป็นโอกาสสุดท้าย ที่คุณจะชักนำโน้มน้าวใจให้ลูกค้าซื้อของได้ เพราะบางทีพวกเขายังไม่เจอสิ่งที่ต้องการจะซื้อจริง ๆ จนทำให้เขาเดินออกไป

คุณจึงต้องทำจุดชำระเงินให้น่าสนใจ ดึงดูดสายตาของลูกค้า เพื่อที่จะทำให้

คนที่ไม่ซื้อ → ซื้อ 

คนที่ซื้อแล้ว → ซื้อเพิ่ม

นี่แหละค่ะคือเหตุผลว่า ‘ทำไมบริเวณเคาน์เตอร์ ถึงเป็นจุดที่ช่วยกระตุ้นยอดขายในร้านค้าของคุณได้’

รู้จักประเภทของเคาน์เตอร์คิดเงินกันก่อน 

ในการแบ่งประเภทของเคาน์เตอร์คิดเงิน บางคนก็อาจจะเรียงตามลักษณะ บางคนอาจจะเรียกตามการใช้งาน ซึ่งในการติดตั้งเคาน์เตอร์แต่ละแบบต้องสอดคล้องกับพื้นที่ของร้านคุณด้วย จึงอาจทำให้เคาน์เตอร์มีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป แต่หลัก ๆ แล้ว เคาน์เตอร์จะแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกันคือ

1. เคาน์เตอร์คิดเงินแบบเดี่ยว (Single Counter / Checkout Counter)

เคาน์เตอร์คิดเงินแบบเดี่ยว หรือเคาน์เตอร์ตรง เคาน์เตอร์รูปตัว I (ตัวไอ) เคาน์เตอร์แบบนี้จะใช้พื้นที่น้อยที่สุด เพราะมีตอนเดียวและวางขนานกับผนัง ลักษณะของมันอาจจะเป็นแบบโค้ง แบบเหลี่ยม หรือแบบบาร์ก็ได้ เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีพื้นที่น้อย หรือร้านค้าที่มีขนาดเล็ก

1. เคาน์เตอร์คิดเงินแบบเดี่ยว (Single Counter / Checkout Counter)

เคาน์เตอร์คิดเงินแบบเดี่ยว

ตัวอย่างเคาน์เตอร์แบบเดี่ยว

2. เคาน์เตอร์คิดเงินแบบคู่ (Dual Counter / Two-part Counter)

เคาน์เตอร์คิดเงินแบบคู่ หรือเคาน์คิดเงินแบบตัวแอล เคาน์เตอร์แบบนี้จะมีสองส่วน คือ ส่วนแรกเป็นตัวด้านหน้าจะวางขนานกับผนังเป็นแบบตรง อีกส่วนเป็นตัวต่อด้านข้าง เคาน์เตอร์แบบนี้เรียกได้อีกแบบว่าเคาน์เตอร์รูปตัวแอล ทรงแบบนี้เป็นที่นิยมมาก ๆ เพราะมีลักษณะที่พอดีกับการวางเข้ามุมหน้าร้าน

2. เคาน์เตอร์คิดเงินแบบคู่ (Dual Counter / Two-part Counter)

เคาน์เตอร์คิดเงินแบบคู่

ตัวอย่างเคาน์เตอร์แบบคู่

3. เคาน์เตอร์แบบสามส่วน (Three-part Counter)

เคาน์เตอร์แบบสามส่วน หรือเคาน์เตอร์แบบตัวยู เคาน์เตอร์แบบนี้จะมีลักษณ์เป็นตัว U รอบ ๆ พนักงาน จะมีสามส่วนด้วยกัน ได้แก่ ด้านหน้า, ด้านข้าง และด้านหลัง ซึ่งด้านหลังจะทำเป็นตู้ไซด์บอร์ดมีชั้นวางของที่ใช้วางสินค้าได้ ส่วนด้านล่างจะทำเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่

เคาน์เตอร์แบบนี้จะมีทั้งขนาดเล็ก กลาง ไปจนถึงใหญ่ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินและเก็บของพนักงานได้เป็นอย่างดี

3. เคาน์เตอร์แบบสามส่วน (Three-part Counter)

เคาน์เตอร์คิดเงินแบบสามส่วน : เช็กราคาคลิก > เคาน์เตอร์คิดเงิน รุ่น CC-037

ตัวอย่างเคาน์เตอร์แบบสามส่วน

#Writer talk 💬 สำหรับท่านใดที่สนใจสั่งซื้อเคาน์เตอร์คิดเงิน เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เคาน์เตอร์ร้านค้า สามารถคลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ เคาน์เตอร์ by Toob Counter ได้เลยนะคะ

TOOB Counter เป็นอีกเว็บหนึ่งของในไลน์ธุรกิจของ เครือบริษัท PN ที่รับผลิตเคาน์เตอร์แบบสั่งทำ และเป็นบริษัทที่ผลิตเคาน์เตอร์สำเร็จรูปส่งให้ดีลเลอร์ + ชั้นวางสินค้า BigBest รวมถึงผลิตเคาน์เตอร์สำหรับเปิดร้านค้าแบบครบครันให้ ชั้นวางสินค้า PN ค่ะ

❝ หากคุณผู้อ่านสนใจสั่งผลิตเคาน์เตอร์สวย ๆ ในแบบที่เป็นสไตล์ของคุณ สามารถคลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูเว็บไซต์และสอบถามไปที่แอดมินหน้าติดต่อเราได้เลยนะคะ (คอนเทนต์เว็บ Toob เราก็เป็นผู้เขียนเองค่า) ❞

CTA TOOB Counter รับออกแบบผลิต เคาน์เตอร์คิดเงิน เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เคาน์เตอร์ต้อนรับ เคาน์เตอร์บาร์ สำหรับ Mobile
CTA TOOB Counter รับออกแบบผลิต เคาน์เตอร์คิดเงิน เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เคาน์เตอร์ต้อนรับ เคาน์เตอร์บาร์ สำหรับ PC

1. เพิ่ม Space ให้ลูกค้าและพนักงาน

“การออกแบบจุดชำระเงินที่ดี จะต้องมีพื้นที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์อย่างน้อย 30-40 นิ้ว ซึ่งขนาดเท่านี้มันจะทำให้รถเข็นผ่านได้อย่างสะดวก”

ที่มา : ADA Standard for Accessible Design

คุณต้องรู้ก่อนว่า.. พื้นที่ในการจะติดตั้งเคาน์เตอร์คิดเงินมีประมาณเท่าไหร่ และควรจะเอาเคาน์เตอร์ไว้ที่ด้านซ้ายของร้านค้า เพราะคนส่วนใหญ่จะเริ่มเดินสำรวจร้านจากด้านขวาก่อน 

ซึ่งจุดติดตั้งเคาน์เตอร์ จะต้องมีพื้นที่ด้านในสำหรับพนักงานที่พอดี เพื่อให้พนักงานทำงานได้ง่ายขึ้น และควรมีจุดที่วางของหรือสัมภาระของพนักงานด้วย

ที่สำคัญคือ พื้นที่ตรงนี้จะทำให้ลูกค้ายืนรอเช็กบิลได้อย่างสะดวกสบายและไม่คับแคบเกินไป เพิ่ม Space ให้พวกเขาอึดอัดได้

2. วางสินค้าที่กระตุ้นการซื้อ

สินค้าเพิ่มยอดขายที่มักจะกระตุ้นการซื้อของลูกค้าได้ดีที่สุด ไม่ใช่สินค้าราคาแพงที่สุด แต่เป็นสินค้าที่ช่วยเพิ่มยอดขายทั้งหมดของร้านค้า ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านมินิมาร์ท ของบนเคาน์เตอร์ก็ควรจะเป็น ลูกอม, หมากฝรั่ง, ยาลดกรด, ถ่านไฟฉาย เป็นต้น

การนำสินค้ามาวางที่เคาน์เตอร์คิดเงินเพื่อกระตุ้นยอดขาย จึงควรเลือกตามประเภทร้านค้าของคุณ โดยการนำสินค้าที่คุณคิดว่าจะดึงดูดลูกค้าได้ มาคละกันไว้ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะนำสินค้าอะไรมาวางเพื่อกระตุ้นยอดขาย ลองดูทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเราก่อนได้ค่ะ

7 สินค้ากระตุ้นยอดขาย ที่ควรวางบนเคาน์เตอร์คิดเงิน

7 สินค้ากระตุ้นยอดขาย ที่ควรวางบนเคาน์เตอร์คิดเงิน

INFO — 7 สินค้ากระตุ้นยอดขายที่ควรวางบนเคาน์เตอร์คิดเงิน

  1. สินค้าที่หยิบได้ง่าย เช่น หมากฝรั่ง ลูกอม
  2. สินค้าที่ต้องซื้ออย่างเร่งด่วน เช่น ยาสามัญประจำบ้าน
  3. สินค้าที่ต้องเดินไปสั่งกับพนักงาน เช่น ซิมโทรศัพท์
  4. สินค้าราคาถูกที่ไม่ต้องตัดสินใจเยอะ ชิ้นละ 5-10 บาท
  5. สินค้าช่วงโปรโมชั่น เช่น สินค้าซื้อ 1 แถม 1
  6. สินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ขายแล้วได้กำไรเยอะ
  7. สินค้าที่มีความใกล้เคียงกับสินค้าที่วางอยู่ก่อนหน้า

สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่สามารถดึงดูดลูกค้า และได้พื้นที่ในการทำกำไรได้มากที่สุด จากนั้นก็ให้วางสินค้าที่ส่งเสริมการขายให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในร้านของคุณ เพื่อให้คุณสามารถต่อยอดการขายสินค้าหลาย ๆ ชิ้นได้อย่างง่ายดาย

3. โปรโมชั่นเพิ่มแรงจูงใจ

เมื่อลูกค้าเดินมาถึงเคาน์เตอร์แล้ว แสดงว่าเขามีแนวโน้มที่จะซื้อมากกว่า นี่จึงเป็นช่วงที่เพอร์เฟคที่สุดที่จะกระตุ้นการขาย CreditCards.com ได้สำรวจไว้ว่า

“5 ใน 6 ของคนทั่วไปมักจะ ซื้อของเพิ่มเติมจากแรงกระตุ้นที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ชำระเงิน และ 40% ของลูกค้า ยอมรับว่าใช้เงินมากกว่าที่พวกเขาวางแผนไว้ เมื่อถูกแรงกระตุ้นเหล่านั้นจูงใจ” 

ดังนั้น…บริเวณเคาน์เตอร์คิดเงิน จึงเป็นจุดที่ดีที่สุดในการส่งเสริมการขาย อาจจะทำโปรโมชั่นสินค้าซื้อ 2 แถม 1 โปรโมชั่นลดราคาต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พนักงานหรือตัวคุณเองต้องพูดโน้มน้าวได้ด้วยเป็นบางครั้งนะคะ

ตัวอย่าง จะเห็นได้จาก “ร้าน Watson” เขามักจะจัดโปรโมชั่นตรงเคาน์เตอร์คิดชำระเงินอยู่เสมอ อย่างตัวผู้เขียนเองเวลาไปวัตสัน ก็จะลิสต์จากบ้านแล้วว่า ‘มีของใช้อะไรที่หมดบ้าง’ เมื่อไปถึงก็จะหยิบหลาย ๆ อย่างรวมกัน เช่น ดินสอเขียนคิ้ว, ครีมอาบน้ำ, แป้ง, แชมพู, คลีนซิ่ง ฯลฯ ซึ่งจะจำนวนค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่หลักพันได้

เมื่อเราซื้อสินค้าครบตามจำนวนที่วัตสันกำหนดไว้ พนักงานก็จะพูดเชียร์อัพโปรโมชั่นสินค้าในร้านว่า “ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าในรายการโปรโมชั่นในราคาที่ถูกมาก ๆ ตามนี้” แล้วยื่นโบรชัวร์ให้ดู ถ้ามีสินค้าไหนที่น่าสนใจ ก็ทำให้เราซื้อได้อย่างไม่ลังเลเลยค่ะ 

4. เพิ่ม Solution ที่เป็นประโยชน์

เคยเป็นกันมั้ยคะ? เวลาที่คุณจะซื้อของ เมื่อเดินไปถึงเคาน์เตอร์เพื่อที่จะจ่ายเงินแล้ว..’คุณมักจะลืมซื้อของบางอย่างที่หยิบง่าย แต่มันสำคัญ’ นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของผู้ค้าปลีก ที่จะสต็อกสินค้าที่คนซื้อมักจะนึกไม่ถึง แต่กลับเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ

ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับประเภทร้านค้าของคุณ แต่เรามีคำถามทั่วไปที่คุณควรตอบให้ได้ก่อน นั่นก็คือ

  • ลูกค้ามักจะขอให้คุณช่วยหาสินค้าอะไร เมื่อมาที่ร้านของคุณ?
  • สินค้าอะไรที่ลูกค้านึกไม่ถึง แต่ต้องการอยู่บ่อย ๆ ?
  • มีสินค้าขนาดเล็ก ที่เป็นส่วนเสริมให้สินค้าอื่น ๆ ขายง่ายขึ้นหรือไม่?

เมื่อคุณสามารถตอบได้แล้ว คุณจะพบสินว่าสินค้าเหล่านี้มันคือ Solution ที่เป็นประโยชน์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือมันเป็นสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกแบบขั้นกว่าให้กับลูกค้าของคุณได้

ตัวอย่าง ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 คุณจะเห็นว่ามี ยาสามัญประจำบ้าน, พลาสเตอร์ปิดแผล, ยาแก้ไอ, ยาดม, แอลกอฮอล์ล้างแผล  ของพวกนี้จะอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ เพราะมันเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการใช้แบบเร่งด่วน และลูกค้าจะต้องถามหาบ่อย ๆ เมื่อคุณนำมาวางไว้บริเวณที่ลูกค้าจะจ่ายเงิน มันจะช่วยกระตุ้นการซื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก

5. พนักงานสร้างความประทับใจ

พนักงานอาจจะรู้หน้าที่ของเขาค่ะ ว่าควรจะต้องทำงานยังไง หรือต้องทำอะไรบ้าง แต่คุณก็ต้องเช็กให้แน่ใจ ว่าพวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วจริง ๆ และถึงแม้สินค้าบางอย่าง สามารถขายออกได้ด้วยตัวเอง แต่การเชียร์อัพที่ดีของพนักงาน มันก็จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อของเพิ่มมากขึ้นได้

พนักงานสร้างความประทับใจหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน

อบรมให้พนักงานเริ่มต้นคุยกับลูกค้า ด้วยการถามว่า

  • ลูกค้าพบสินค้าที่ต้องการไหมคะ?
  • ลูกค้าต้องการสินค้าตัวไหนเพิ่มเติมไหมคะ?
  • รับสินค้าตัวนี้ไปลองมั้ยคะ? ตัวนี้ขายดีมาก

จากนั้นคุณก็นำสินค้าที่อยากขายเพิ่มเติมวางไว้บนเคาน์เตอร์ รวมถึงสินค้าในโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการขาย และให้พนักงานพูดแนะนำสินค้าเพื่อให้ลูกค้าซื้อเพิ่ม

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าลูกค้าพูดว่า “ไม่”  นั่นก็หมายความว่า “ไม่” อย่าให้พนักงานเร่งเร้าลูกค้า เพราะอาจทำให้ลูกค้าเกิดความอึดอัดหรือรำคาญได้ ควรสร้างความรู้สึกสบายใจในการซื้อของให้กับลูกค้ามากกว่า นอกจากนี้พนักงานควรทำงานอย่างคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ไม่ปล่อยให้ลูกค้ารอที่หน้าเคาน์เตอร์นาน ๆ

สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจ จนอยากกลับมาซื้อของที่ร้านค้าซ้ำ ๆ นั่นก็คือ พนักงานที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง จะเป็นพนักงานที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้าอยู่เสมอ

★ Extra — อ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม คลิกเลย 5 ทิป บริการลูกค้าให้น่าประทับใจที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์

6. มีบริการอื่นเพิ่มเติม

การมีบริการเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่เคาน์เตอร์คิดเงิน จะเป็นจุดที่เพิ่มรายได้ เพิ่มมูลค่าในการขายสินค้า และเพิ่มความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้มากขึ้นไปอีก เช่น

  • ถ้าเปิดร้านมินิมาร์ท ควรมีบริการเติมเงิน
  • ถ้าเปิดร้านกิ๊ฟช็อป ควรมีบริการห่อของขวัญ
  • ถ้าเปิดร้านขายอุปกรณ์ไอที ควรมีบริการติดฟิล์ม
  • ถ้าเป็นร้านกาแฟ ควรมีบริการให้ทดลองชิมขนม

ลองนำตัวอย่างไปปรับใช้กับร้านค้าของคุณ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นยอดขายที่เคาน์เตอร์คิดเงินได้นะคะ

✔ สรุป 

เมื่อพูดถึงเทคนิคการ “กระตุ้นยอดขายที่เคาน์เตอร์คิดเงิน” เหล่านี้ อาจจะดูเหมือนง่าย แต่อย่าลืมว่า คุณต้องใส่ใจรายละเอียดพอสมควรเลยนะ

เพราะต้องขายสินค้าเพิ่มเติมให้ได้ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

หากนำมาสรุปแล้ว สิ่งที่เนื้อหาบทความนี้บอกไปทั้งหมด จะมีดังนี้

1. เพิ่ม Space ให้ลูกค้าและพนักงาน — ต้องมีพื้นที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินอย่างน้อย 30-40 นิ้ว
2. วางสินค้าที่กระตุ้นการซื้อ — เช่น สินค้าที่หยิบได้ง่ายสินค้าเร่งด่วน สินค้าโปรโมชั่น สินค้าที่ไม่ต้องตัดสินใจเยอะ
3. โปรโมชั่นเพิ่มแรงจูงใจ — เช่น โปรโมชั่นสินค้าซื้อ 2 แถม 1 โปรโมชั่นลดราคาต่าง ๆ
4. เพิ่ม Solution ที่เป็นประโยชน์ — สินค้าที่บางอย่างที่ลูกค้าอาจลืม หรือสินค้าที่มีความฉุกเฉิน เช่น ยาแก้ปวด พลาสเตอร์
5. พนักงานสร้างความประทับใจ — พนักงานควรยิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี กระฉับกระเฉง และควรอบรมพนักงานให้พูดส่งเสริมการขายได้
6. มีบริการอื่นเพิ่มเติม — เช่น ร้านมินิมาร์ท ควรบริการเติมเงิน ร้านกิ๊ฟช็อป ควรมีบริการห่อของขวัญ

การใช้กลยุทธ์ในการวางสินค้าบนเคาน์เตอร์ให้สอดคล้องกับต้องการของลูกค้า และยังต้องสอดคล้องกับสิ่งที่คุณอยากจะขาย ไม่ใช่เพียงแค่กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อมากขึ้นเท่านั้น…แต่คุณจะต้องกระตุ้นพนักงานให้บริการที่ดี พร้อมทั้งต้องขายสินค้าให้ได้ไปด้วย ถ้าคุณและพนักงานทำได้อย่างดี มันก็จะยิ่งสร้างความภักดี และความประทับใจให้ลูกค้าต่อร้านของคุณอย่างยั่งยืนได้ นอกจากทำให้ลูกค้าซื้อของมากขึ้น เขายังจะกลับมาซื้อของอีกบ่อย ๆ ก็ได้นะ ยังไงก็ลองนำไปใช้กับร้านค้าของคุณได้ค่ะ

และสุดท้ายนี้ ฝากให้ทุกคนไปติดตามอ่านบทความอื่น ๆ ของ Pn storetailer ด้วยน้า 😀  

Sources :

ใส่ความเห็น