12 วิธี ปรับตัวเป็น ร้านขายของชำยุคใหม่ ไม่เพียงแค่อยู่รอด.. แต่ต้องปังและรวย!

หน้าปกบทความ 12 วิธี ปรับตัวเป็น ร้านขายของชำยุคใหม่

(เขียนและ Published เมื่อ 23-11-2020 / อัปเดตล่าสุดตามที่ขึ้นใต้หัวข้อ)

แม้ในปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่จะแทรกซึมอยู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทยแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการรายเล็กอย่างร้านขายของชำ ยังสามารถเห็นอยู่ทั่วไปในในชุมชนที่เราอาศัยอยู่

บางคนที่เริ่มคิดอยากเปิดร้านขายของชำ ก็อาจมีความคิดที่ว่า

“เปิดไปแล้วจะรอดไหม?” 

“ลูกค้าจะเข้ามาซื้อหรือเปล่า?” 

“หมดยุคของร้านขายของชำแล้วหรือยัง?” 

Pnstoretailer จะมาหาคำตอบให้กับคุณว่า จะทำยังไงให้ร้านขายของชำเล็ก ๆ ของคุณอยู่รอดกลายเป็นร้านขายของชำยุคใหม่หรือร้านขายของชำสมัยใหม่ ที่มีธุรกิจมั่นคงเติบโตมากขึ้นในอนาคต ในขณะที่กิจการยักษ์ใหญ่รวมถึงคู่แข่งอย่างร้านเล็ก ๆ ด้วยกันเอง กระจายอยู่รอบตัว..  ตามเรามาดูกันเลยค่ะ

12 วิธี ปรับตัวเป็น ร้านขายของชำยุคใหม่ ไม่เพียงแค่อยู่รอด.. แต่ต้องปังและรวย!

INFO – 12 วิธี ปรับตัวเป็น “ร้านขายของชำยุคใหม่” ไม่เพียงแค่อยู่รอด.. แต่ต้องปังและรวย!

1. ทำการตลาดออนไลน์

ปัจจุบันสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่อยู่ในมือถือและออนไลน์ทั้งสิ้น ผู้คนเริ่มที่จะเสาะหาสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางการเสิร์ชหาใน Google รวมถึงใช้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อสั่งเดลิเวอรี่ให้มาส่งถึงหน้าบ้าน

ทำการตลาดออนไลน์ในร้านขายของชำยุคใหม่

★ ร้านขายของชำสมัยใหม่ จึงควรมีช่องการทำตลาดออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ให้ครบ ผู้เขียนขอแนะนำช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

1.1) ปักหมุดใน Google my business – การสร้าง Google my business เป็นการนำธุรกิจของคุณเข้าไปโชว์ใน Google map เวลาที่คนเสิร์ชหา ร้านขายของชำ ใกล้ฉัน ร้านของคุณจะเข้าไปติด 1 ในนั้นด้วย และอย่าลืมที่จะอัปเดตสินค้า รวมถึงโปรโมชั่นต่าง ๆ เข้าไป เพื่อให้ร้านของคุณ มีความน่าสนใจมากขึ้นด้วยนะคะ

1.2) มี Line@ หรือ เพจ Facebook – ใช้เป็นช่องทางการโปรโมทหรืออัปเดตข่าวสารต่าง ๆ ให้ลูกค้า เช่น มีสินค้าใหม่ มีสินค้าโปรโมชั่น รวมถึงการยิ่งโฆษณาต่าง ๆ เพื่อเรียกลูกค้าเข้ามาเห็นร้านค้าของคุณ

1.3) มีเดลิเวอรี่ – เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ไม่อยากออกจากบ้าน อาจจะทำเป็นยอดสั่งซื้อขั้นต่ำ 100 บาท ส่งฟรี ในระยะ 1 – 2 กม. ก็ตามแต่ที่ทุกคนสะดวก แต่อย่างน้อย เราจะมีอีกช่องทางไว้สำหรับบริการลูกค้า

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารและโปรโมทร้านของคุณได้ง่าย และเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้ เพราะปัจจุบันคนมักจะใช้โซเชียลและช่องทางออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่

2. มีสินค้าให้เลือกเยอะ

ลองนึกภาพดูว่า ถ้าคุณเปิดร้านขายของชำ แต่มีสินค้าให้เลือกแค่ไม่กี่อย่าง ลูกค้าเข้ามาแล้ว พวกเขาจะได้อะไรติดมือไปไหม?

เพราะเวลาลูกค้าอยากได้อะไรก็ตาม เขาก็จะต้องการเลือกหลายประเภท / หลายยี่ห้อ เพื่อให้ถูกใจและตรงตามความต้องการมากที่สุด

ร้านขายของชำยุคใหม่ที่มีสินค้าให้เลือกเยอะ

★ ร้านขายของชำยุคใหม่ จึงควรมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ครบครัน และครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เพราะจะทำให้ลูกค้าที่ร้านของคุณแวะเวียนมาที่ร้านบ่อยขึ้น ทำให้รายได้ของคุณไม่หายไปนั่นเอง

3. มีสินค้าที่ร้านอื่นไม่มี

ลองสำรวจร้านอื่น ๆ โดยรอบ ว่าพวกเขามีสินค้าอะไรบ้าง และไม่มีอะไรบ้าง เพื่อที่จะนำมาพัฒนาร้านของคุณ

★ ‘อะไรที่คู่แข่งไม่มี ให้คุณนำมาวางขาย’ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่คู่แข่งไม่สามารถตอบโจทย์พวกเขาได้เข้ามาที่ร้านของคุณ

ตัวอย่างสินค้าที่หายากเช่น

  • สินค้าโฮมเมด
  • ของเล่นเด็กแบบแรร์ไอเทม
  • ขนมย้อนยุคที่ร้านใหญ่ ๆ ไม่ขาย
  • นมเปรี้ยวที่หาซื้อยากตามร้านสะดวกซื้อใหญ่ ๆ เช่น ยาคูลท์
ยาคูลท์

Pic by lifestyle

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เพราะผลิตภัณฑ์บางอย่าง มันเป็นสิ่งที่ลูกค้าสามารถหาได้ยาก แต่พวกเขาชื่นชอบ บ้างก็คิดถึง อยากกลับไปกิน อยากกลับไปใช้ แต่มันไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป หรือร้านสะดวกซื้อใหญ่ ๆ อย่าง 7-Eleven คุณควรนำสิ่งนี้ มาเป็นจุดขายในการเปิดร้านขายของชำค่ะ

4. รู้ใจลูกค้า

ต้องจับจุดให้ได้ก่อนว่า ลูกค้าชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร จะได้นำสินค้าเข้ามาตอบสนองลูกค้าของคุณได้อย่างถูกจุด

สมมติว่า มีลูกค้าคนนึง มาซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อ X อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะมาซื้อกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนใจไปใช้ยี่ห้ออื่น คุณก็ควรรู้เลยว่า จะต้องสต็อกน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อ X นี้ไว้เยอะ ๆ อย่าให้ขาด

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : การที่คุณรู้ใจลูกค้า นั่นจะทำให้ลูกค้ากลายมาเป็นขาประจำที่ร้านของคุณ ยิ่งมีคนถูกอกถูกใจสินค้าในร้านมากเท่าไหร่ ฐานลูกค้ายิ่งมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ร้านของคุณมียอดขายที่มากขึ้น

5. เจ้าของร้านอัธยาศัยดี

เมื่อลูกค้าเดินเข้าไปในร้าน แล้วได้รับรอยยิ้ม การบริการที่ดี เจ้าของร้านพูดเพราะ และพูดคุยได้อย่างเป็นกันเอง มันก็จะทำให้ร้านขายของชำนั้น ๆ น่ากลับมาซื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก

นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สำหรับร้านขายของชำและร้านค้าอื่น ๆ ในยุคใหม่นี้ เพราะการที่สินค้าจะขายได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวสินค้าอย่างเดียว

เจ้าของร้านขายของชำยุคใหม่ที่อัธยาศัยดี

★ ฉะนั้นคุณควรที่จะบริการลูกค้าให้ดี พูดจาไพเราะ มีรอยยิ้มให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เพราะการบริการมีบทบาทอย่างมากที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อของที่ร้านคุณอีกครั้งหรือไม่ ถ้าคุณบริการดี แน่นอนว่าพวกเขาต้องกลับมาซื้ออีกแน่นอนค่ะ

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : การบริการและอัธยาศัยที่ดีของเจ้าของร้าน ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีก เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมการขายให้ยั่งยืนต่อไปได้ อ่านเรื่องบริการลูกค้าเพิ่มเติมได้ที่ → 20 ไอเดียการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ที่ควรนำไปทำตาม

6. จัดสรรสินค้าให้รองรับกับทุกเพศทุกวัย

เมื่อคุณเปิดร้านขายของชำ แน่นอนว่าจะไม่ได้มีกลุ่มลูกค้าเพียงแค่กลุ่มเดียว เพราะมีกลุ่มลูกค้าอีกเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • เด็กเล็ก ที่ต้องการสินค้าจำพวก ผ้าอ้อม, นมผง, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเด็ก
  • เด็กโต ที่จะมีความต้องการในเรื่อง ของเล่นตามเทรนด์, ขนมหวานที่แถมด้วยของเล่น
  • วัยรุ่น ของที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้อย่าง โรลออน, ผ้าอนามัย, แป้งทาหน้า, โฟมล้างหน้า
  • ผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่ลูกค้ากลุ่มนี้จะมาซื้อ เหล้าเบียร์, ของใช้ภายในบ้าน, อาหารกระป๋อง, อาหารแห้ง หรือยาสามัญประจำบ้าน ไว้สำหรับใช้ในบ้าน
จัดสรรสินค้าในร้านขายของชำยุคใหม่ให้รองรับกับทุกเพศทุกวัย

★ คุณจึงควรหาสินค้ามาตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าในทุกช่วงวัย

✎ เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : รอบ ๆ ชุมชนของคุณ มีลูกค้าหลากหลายวัย ถ้าคุณมีสินค้าให้เฉพาะกลุ่มอายุ ยอดขายก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมายน่ะสิ ยิ่งเด็ก ๆ ยิ่งซื้อของเยอะ การมีสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย จึงส่งผลให้ร้านขายของชำอยู่รอดค่ะ

7. ติดราคาให้ชัดเจน

ร้านขายของชำที่มีราคาสินค้าถูกหรือแพงกว่าร้านอื่น อาจมีผลในการซื้อได้ แต่อย่าลืมว่า ก่อนที่ลูกค้าจะมาซื้อของในร้านของคุณ และนำไปเปรียบเทียบกับร้านอื่น ๆ ได้ เขาจะต้องรู้ราคาของสินค้าในร้านของคุณก่อน

ร้านขายของชำยุคใหม่ที่ติดป้ายราคาให้ชัดเจน

★ คุณจึงควรติดป้ายราคาไว้บนชั้นวางสินค้า เพื่อให้เกิดความชัดเจน คนก็จะกล้าหยิบจับ

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เราสังเกตเห็นว่าร้านขายของชำที่ไม่มีป้ายราคา ลูกค้าจะต้องคอยถามราคาของสินค้าอยู่เป็นประจำ ตัวคนถามเองก็อาจจะขี้เกียจถาม ส่วนตัวคนขายเอง ก็อาจจะขี้เกียจตอบ การมีป้ายราคา มันจึงสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ และเพิ่มความสะดวกสบายได้มากทีเดียวค่ะ

7. สภาพแวดล้อมในร้านค้าที่น่าเดิน

ถ้าร้านค้าของคุณสกปรก มีฝุ่นเกาะตามชั้นวางสินค้า มีฝุ่นเกาะตามผลิตภัณฑ์ที่โชว์ขาย แค่เห็นก็ไม่มีใครอยากเดินเข้าไปแล้ว จริงไหมคะ?

★ ฉะนั้นคุณควรหมั่นทำความสะอาดในทุกซอกทุกมุม มีการจัดระเบียบตำแหน่งในแต่ละจุด รวมถึงออกแบบจัดร้านให้ดูน่าเดิน สิ่งนี้จะเพิ่มลูกค้าให้เดินเข้ามาซื้อมากขึ้นค่ะ (คลิกเพื่ออ่านเรื่อง 👉 9 เคล็ดลับจัดร้านขายของชำให้น่าเข้าและดึงดูดลูกค้าได้อย่างล้นหลาม)

ยิ่งถ้าคุณมีชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์คิดเงิน ตู้แช่ ที่สวยงาม สะอาด เข้าธีม จะทำให้ร้านของคุณกลายเป็นร้านขายของชำยุคใหม่ ที่ใครเห็นจะต้องชอบ ลูกค้าเห็นต้องอยากเดินเข้ามาช้อปสุด ๆ

ผู้เขียนนำตัวอย่างร้านขายของชำสวย ๆ มาให้ทุกคนดูเป็นตัวอย่างค่ะ ผู้อ่านสามารถเลื่อนดูได้เลย

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : ร้านค้าที่สะอาด ชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์ที่สวยงามทันสมัย นอกจากจะน่าเดินเข้ามาซื้อของแล้ว ส่งผลให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีในการเดินช้อปที่ร้านของคุณ นั่นแหละค่ะ ลูกค้าเข้าร้าน ร้านก็ขายของได้ โอกาสที่ยอดขายตกก็มีน้อยนั่นเอง

ถ้าหากต้องการดูตัวอย่างร้านขายของชำ สามารถดูได้ที่นี่ คลิกเลย 👉 สานฝันธุรกิจกับ “แบบร้านขายของชำ” มากกว่า 50 ไอเดีย by BIGBEST

แบนเนอร์ CTA สำหรับ PC BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท ชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์คิดเงิน ตู้แช่
แบนเนอร์ CTA สำหรับ Mobile BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท ชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์คิดเงิน ตู้แช่

9. เปิดเช้า – ปิดดึก

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปิดร้านขายของชำได้ถึง 24 ชั่วโมง แต่เหมือนร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้มากที่สุด นั่นก็คือ

“เปิดเช้า แต่ปิดดึก”

★ วิธีการเปิดเช้า-ปิดดึกนี้ จะทำให้คุณตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในเวลาที่พวกเขาต้องการได้ คู่แข่งบางร้านอาจเปิดช้าแล้วรีบปิด แต่คุณสามารถอุดช่องโหว่เหล่านั้นได้ เพราะลูกค้าบางคนเขาอาจตื่นเช้ามาเพื่อรีบซื้อของ หรือบางคนก็มีความจำเป็นต้องใช้ของบางอย่างในตอนดึก ๆ

ตัวอย่างเช่น ขอยกเป็นเรื่องของผู้เขียนโดยตรงเลยแล้วกันค่ะ

ในตอนดึก ๆ ประมาณ 22.30 น. พ่อของผู้เขียนเป็นแผล แต่ยาใส่แผลในบ้านหมด เมื่อออกไปซื้อที่ร้านขายของชำในหมู่บ้าน ก็ปรากฏว่า “ร้านยังเปิดอยู่” และมียาตามที่ต้องการ ทำให้สามารถทำแผลได้ทันท่วงที ซึ่งกลับกันถ้าร้านนั้นรีบปิด แผลอาจติดเชื้อไปแล้ว

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : การที่คุณเปิดบริการให้กับลูกค้าเท่าที่คุณจะสามารถทำได้ มันเป็นการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้อีกระดับ ต่อมาเมื่อเขาต้องการจะซื้ออะไร เขาก็จะนึกถึงร้านของคุณเป็นร้านแรก ๆ

อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม :

9. มีบริการอื่นเสริมควบคู่ไปด้วย  

★ การจะเปิดร้านขายของชำ ไม่ใช่แค่ว่าคุณจะนำสินค้ามาขายอย่างเดียว แต่คุณสามารถเพิ่มบริการอื่น ๆ เข้าไป เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วย เช่น

  • ตู้เติมเงิน
  • เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
  • ตู้เติมน้ำมัน
  • ตู้ ATM
  • ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เป็นการเพิ่มช่องทางเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง และยังเรียกลูกค้าเข้ามาที่ร้านได้ด้วย

11. มีเครื่อง POS

การเปิดร้านในยุคสมัยนี้ ระบบ POS สำคัญมาก เพราะระบบนี้จะสามารถคิดค่าสินค้าได้ง่ายดาย จะทำให้คุณคำนวณรายรับ-รายจ่าย ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งมันยังสามารถนับสต็อกสินค้าของคุณได้ด้วย

★ ที่สำคัญ ระบบ POS จะทำให้คุณรู้ว่า สินค้าตัวไหนขายดี/สินค้าตัวไหนขายไม่ดี ได้อย่างชัดเจน เมื่อคุณจะสต็อกสินค้าคุณจะทราบว่าควรนำสินค้าตัวไหนมาเติมบ่อย ๆ สินค้าตัวไหน ควรที่จะทำโปรโมชั่น เพื่อให้ขายหมดสต็อกเร็ว ๆ

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เมื่อคุณคำนวณรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน แต่รู้ว่าสินค้าตัวไหนขายดี คุณจะรู้ถึงสิ่งที่ควรนำมาขายบ่อย ๆ และทราบถึงวิธีบริหารจัดการร้านค้าทั้งหมดให้เป็นไปในทิศทางที่ดีได้

อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม :

12. ทำโปรโมชั่น

★ การที่จะดึงลูกค้าให้มาซื้อของที่ร้านของเราบ่อย ๆ ได้ มันจะต้องมีการ จัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้มีความรู้สึกอยากซื้อ ไม่ว่าจะเป็น

  • โปรโมชั่น ซื้อ 3 แถม 1
  • โปรโมชั่น ส่วนลด
  • โปรโมชั่น ของแถมสำหรับคนที่ซื้อครบ 500 บาท
  • โปรโมชั่นส่งฟรีถึงบ้าน

ลองนำโปรโมชั่นของร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับร้านของคุณดูนะคะ

เหตุผลที่วิธีการนี้ทำให้ร้านขายของชำอยู่รอดได้ : เป็นการทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าแบบที่ร้านค้าปลีกใหญ่ ๆ เขาทำกัน ถ้าคุณลองนำไปปรับ ก็จะทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นได้

✔ สรุป

หากคุณได้ทำทั้ง 12 ข้อที่เรากล่าวมาแล้ว เราเชื่ออย่างยิ่งว่า ร้านของคุณจะกลายเป็นร้านขายของชำยุคใหม่ และจะต้องมีลูกค้าประจำเข้ามาในร้านของคุณอย่างแน่นอน หากสรุปทั้งหมดจะมีดังนี้

1.ทำการตลาดออนไลน์ – มี Google my business, มี Line@ หรือ เพจ Facebook, มีเดลิเวอรี่
2.มีสินค้าให้เลือกเยอะ – มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ครบครัน และครอบคลุม
3.มีสินค้าที่ร้านอื่นไม่มี – สินค้าโฮมเมด ของเล่นเด็กแบบแรร์ไอเทม ขนมย้อนยุคที่ร้านใหญ่ ๆ ไม่ขาย
4.รู้ใจลูกค้าให้มากที่สุด – นำสินค้าที่ลูกค้าซื้อบ่อย ๆ เข้ามาตอบสนองลูกค้าของคุณให้ถูกจุด
5.เจ้าของร้านอัธยาศัยดี – รอยยิ้ม การบริการที่ดี จะทำให้ร้านขายของชำน่ากลับมาซื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก
6.มีสินค้าให้ทุกเพศทุกวัย – มีสินค้าสำหรับเด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น และผู้ใหญ่
7.ติดราคาให้ชัดเจน – ควรติดป้ายราคาไว้บนชั้นวางสินค้า เพื่อให้เกิดความชัดเจน คนซื้อจะกล้าหยิบจับ
8.จัดร้านค้าให้น่าเดิน – ทำความสะอาดร้าน รวมถึงออกแบบจัดร้านให้ดูน่าเดิน
9.เปิดเช้า – ปิดดึก – ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในเวลาที่พวกเขาต้องการได้
10.มีบริการอื่นเสริมควบคู่ – เพิ่มบริการอื่น ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ตู้เติมเงิน ตู้เติมน้ำมัน ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ
11.มีเครื่อง POS – ระบบนี้จะทำให้คุณคำนวณรายรับ-รายจ่าย ได้อย่างชัดเจน
12.ทำโปรโมชั่นดึงดูด – จัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้มีความรู้สึกอยากซื้อ เช่น โปรโมชั่นลดแลกแจกแถม

พยายามที่จะจัดการและปฏิบัติตามสิ่งที่เราแนะนำ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด หรือถ้าคุณคิดแนวทางอื่น ๆ ออก ก็ให้ลองลงมือทำดู และวัดผลว่า สุดท้ายแล้วมันเวิร์คหรือไม่ ถ้ามันเวิร์ค ก็ควรพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ

รับรองค่ะว่า.. ไม่ว่าจะยุคไหน ๆ การเปิดร้านขายของชำก็รอดได้และรวยได้ ถ้าคุณบริหารจัดการมันได้ดี

ขอบคุณแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมจาก

ดูบทความเพิ่มเติม

ใส่ความเห็น