ในการเปิดร้านขายของชำ วิธีการจัดร้านเป็นสิ่งที่มีผลต่อลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะถ้าคนที่มองมาที่ร้านของคุณแล้วรู้สึกว่าดึงดูดและน่าเข้าไปซื้อ ก็มีแนวโน้มที่เขาจะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณได้ง่าย ๆ เลยแหละ
PN Storetailer ขอแนะนำเคล็ดลับการจัดร้านขายของชำ ให้คุณสามารถนำไปใช้เพื่อเรียกเรตติ้งให้ร้านของคุณกันหน่อย ตามมาอ่านกันค่ะ
แบบที่ 1 แบบเบสิค
- จัดชั้นวางสินค้าความสูงขนาด 150 ซม.ไว้กลางร้าน
- จัดชั้นวางสินค้าความสูงขนาด 180 ซม. ไว้ริมผนัง
- เคาน์เตอร์คิดเงินขนาด 120 ซม. / 150 ซม. จัดไว้หน้าร้านมุมซ้ายหรือมุมขวา
- ตู้แช่เครื่องดื่ม ตู้แช่เบียร์วุ้น จัดไว้หน้าร้านหรือหลังร้าน
- อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น ตู้ไอติม ไว้ที่หน้าร้านฝั่งซ้ายหรือขวา
แบบที่ 1 ปรับเปลี่ยนตามพื้นที่
- จัดชั้นวางสินค้า 150 ซม.ไว้ทั้งกลางห้องริมผนัง
- จัดตู้แช่เครื่องดื่มไว้ที่หน้าร้านฝั่งขวา
- จัดเคาน์เตอร์ขนาด 150 ซม. ไว้ที่หน้าร้านฝั่งซ้าย
ตัวอย่างการจัดร้านขายของชำหลากหลายแบบ
- จัดชั้นวางสินค้า 150 ซม.ไว้ทั้งกลางห้องและริมผนัง
- จัดเคาน์เตอร์คิดเงิน 180 ซม. ไว้หน้าร้าน
- จัดตู้แช่เครื่องดื่ม 3 ประตูไว้หลังร้าน
- จัดชั้นวางสินค้าสองหน้า 150 ซม.ไว้ทั้งกลางห้อง 3 ชุด
- จัดตู้แช่เครื่องดื่ม 2 ประตูไว้ข้างร้าน
แบบร้านขายของชำดูแบบร้านขายของชำทั้งหมดในเว็บไซต์ BIGBEST คลิกด้านล่างได้เลย ↓
2. สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย “ธีมของร้าน”
การจัดร้านขายของชำให้น่าเข้า ไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่นเสมอไป บางคนอาจจะคิดว่า.. ร้านขายของชำก็แค่เอาชั้นวางมาวางแล้วซื้อของเยอะ ๆ มาไว้บนเชลฟ์ แค่นี้ก็เปิดร้านได้แล้ว
แต่จะไม่ดีกว่าหรอคะ.. ถ้าคุณสามารถทำให้ร้านขายของชำธรรมดาให้โดดเด่นและดึงดูดลูกค้าได้มากกว่านั้นด้วยการ “สร้างธีมของร้าน”
ร้านขายของชำแบบเก่าที่มีกันมาอย่างช้านานและยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะมีความเรียบง่ายสูง ไม่มีการจัดสินค้าอะไรมากมาย ไม่มีธีมอะไร เพียงแค่นำสินค้ามาวางบน ชั้นวางสินค้า
แต่สิ่งที่เราอยากแนะนำให้ทำ หากคุณจะเปิดร้าน / หรือต้องการจัดร้านขายของชำใหม่ให้น่าดึงดูดกว่าเดิมก็คือ “การสร้างธีมของร้าน”
ภาพตัวอย่างการสร้างธีมของร้าน จาก ชั้นวางสินค้าสำเร็จรูป BigBest
ด้านบนคือภาพตัวอย่างของการสร้างธีมของร้านที่เราพูดถึง คุณจะเห็นได้ว่าร้านนี้มีการใช้สีชมพูเหมือนกันทั้งหมดในการคุมโทนของร้าน
หากคุณต้องการจะเปิดร้านขายของชำ หรือเปิดอยู่แล้วแต่อยากตกแต่งเพิ่มเติมให้มันน่าสนใจก็สามารถนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้ ไม่จำเป็นว่าต้องตกแต่งอะไรที่มันหรูหรา แต่อย่างน้อยสิ่งที่ควรกำหนดคือ “สีของร้านที่สอดคล้องกัน”
โดยสามารถกำหนดได้ง่าย ๆ ตามนี้
- สีของผนัง
- สีของชั้นวางสินค้า
- สีของเคาน์เตอร์คิดเงิน
- สีของตะกร้าที่ลูกค้าใช้ใส่ของ
แค่นี้ก็จะทำให้ร้านขายของชำของคุณดูน่าดึงดูดและสะดุดตาแล้ว เพราะมันสามารถสร้างภาพจำให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ อีกทั้งยังดูสวยงามน่ามองด้วย
ซึ่งคุณสามารถเลือกคุมโทนร้านให้เป็นสีเดียวกันทั้งหมด หรือจะ mix&match สีสันของเคาน์เตอร์คิดเงินและชั้นวางสินค้าผสมผสานกันก็ได้ ขอแค่ทำให้ร้านดูมีสีสันสวยงามน่าดึงดูด ร้านของคุณก็น่าเดินเข้าไปช้อปแล้วค่ะ
ตัวอย่างร้านขายของชำที่คุมโทน/ผสมผสานโทนสีชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์
คลิกดู → แกลลอรี่การจัดร้านขายของชำทั้งหมด by BIGBEST อุปกรณ์มาร์ท
3. การจัดเรียงสินค้าให้น่าซื้อ
ในการจัดร้านขายของชำ การจัดเรียงสินค้าบนชั้นวางเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากจัดเรียงสินค้าได้ดี แบ่งหมวดหมู่ประเภทได้อย่างเหมาะสม คุณก็จะมีโอกาสในการขายมากขึ้น
แต่หากเรียงสินค้าไม่ดี ผลที่ตามมาคือ ลูกค้าต้องคอยถามตลอดว่าอะไรอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยนักก็เริ่มป้องกันปัญหาได้ตั้งแต่การจัดเรียงสินค้าเลยค่ะ
“จัดเรียงสินค้าตามความต้องการของลูกค้า อย่าจัดเรียงสินค้าตามใจตัวเอง”
ลองใช้วิธีจัดเรียงสินค้าตามนี้กันดูนะคะ
1) แบ่งหมวดหมู่สินค้า
จัดเรียงเข้าด้วยกัน ส่วนใหญ่หมวดหมู่สินค้าก็จะมี 2 ประเภท ได้แก่ สินค้าอุปโภคและสินค้าบริโภค
- สินค้าอุปโภค เช่น ผลิตภัณฑ์ซักล้าง, สินค้าเกี่ยวกับความงาม, ของใช้ในบ้าน
- สินค้าบริโภค เช่น เครื่องปรุง, ขนมขบเคี้ยว, เครื่องดื่ม
ซึ่งแต่ละอย่างก็ให้นำไปวางไว้ตามประเภทเดียวกัน ตามสิ่งที่เกี่ยวของกันค่ะ
2) วางสินค้าขายดีระดับสายตา
บริเวณด้านบนของชั้นวางสินค้า มันจะอยู่ในระดับสายตาของลูกค้า ฉะนั้นควรวางสินค้าขายดีไว้ตรงนี้เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นก่อน
หรืออาจจะวางสินค้าใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้ามา เพื่อให้ลูกค้าเห็นและซื้อไปลอง
3) สินค้าชิ้นเล็กเรียงด้านบน ชิ้นใหญ่ไว้ด้านล่าง
มันจะช่วยให้สินค้ามีความเป็นระเบียบ เวลาลูกค้ามองก็จะไล่ระดับสายตาได้แบบไม่สะดุด และความง่ายในการหยิบสินค้าลงมากจากชั้นวางสินค้า
ลองคิดดูนะคะหากต้องยกของชิ้นใหญ่จากที่สูงคงลำบากมันเลยใช่ไหมคะ ที่สำคัญการวางของชิ้นใหญ่ด้านล่างเป็นการกระจายน้ำหนักของชั้นวางสินค้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุด้วยค่ะ
4) แยกสินค้าที่เป็นสารเคมีกับอาหารออกจากกัน
สินค้าจำพวกยากันยุง, น้ำยาล้างห้องน้ำ, น้ำยาถูพื้น ไม่ควรนำไปวางไว้ใกล้กับอาหาร
แม้ว่ามันจะไม่เกิดความผิดพลาดหรือหยิบผิดก็ตาม แต่มันก็เป็นภาพที่ไม่ค่อยดีนักหากสินค้าเหล่านั้นไปอยู่ใกล้กัน
5) มีสินค้าสำหรับเด็ก
อย่าลืมว่าในชุมชนนั้น ๆ จะต้องมีเด็กอยู่ การนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ มาขาย จะยิ่งตอบโจทย์ลูกค้า และยังสร้างยอดขายเพิ่มให้กับคุณ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าสำหรับเด็กแบเบาะ , เด็กเล็ก หรือเด็กโต ก็ควรจะนำมาคละ ๆ กันไป
- สำหรับเด็กแบเบาะและเด็กเล็ก เช่น นมผง, ผ้าอ้อม, ผลิตภัณฑ์ซักผ้าของเด็ก
- สำหรับเด็กโต เช่น ขนมนมเนย, ของเล่นเด็กที่ฮอตฮิต
“การเอาใจเด็ก” ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ยอดขายจะเพิ่มง่าย ๆ ได้นะคะ สังเกตว่าสินค้าที่เด็กใช้จะเป็นสิ่งที่จำเป็น หรืออะไรก็ตามที่เด็กอยากได้ เขาจะซื้อตามความชอบและอารมณ์ ฉะนั้นการตัดสินใจซื้อจะง่ายมากถ้าเขาชอบ ลองหาสินค้าใหม่ ๆ ที่คาดว่าน้อง ๆ หนู ๆ จะชอบมาขายหลากหลายดูนะคะ
📚 ⌈ หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถคลิก 👉 วิธีการจัดเรียงสินค้า ให้ดึงดูดลูกค้าและน่าซื้อ ที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ในเว็บไซต์ PN Steel ได้นะคะ ⌋
“หลีกเลี่ยงทางตัน หรือทางคับแคบที่ทำให้ลูกค้าสะดุด แต่เปลี่ยนเป็นจัดทางเดินให้ทั่วถึงกันหมดทั้งร้านแทน”
ถึงพื้นที่ร้านคุณจะน้อย แต่คุณสามารถเลือกชั้นวางสินค้า เหมาะสมกับพื้นที่ของคุณได้ เพราะชั้นวางสินค้าสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งมาไซส์ไหน หรือหากคุณอยากกำหนดเองก็สามารถสั่งทำชั้นวางสินค้าที่เหมาะกับพื้นที่ของคุณได้เช่นกัน
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :
5. ร้านสะอาดและสว่าง
ภายในร้านค้า คุณจะต้องจัดแสงให้สว่างเพียงพอส่องถึงทุกมุม เพื่อจะให้ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าได้อย่างชัดเจน
รวมถึงเรื่องของความสะอาด เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณจะต้องดูแลทุกวันเพื่อให้ไม่มีฝุ่นเกาะ เพราะถ้ามีฝุ่นในบริเวณใดก็ตามแต่ มันหมายถึงความไม่ใส่ใจของเจ้าของร้าน
นอกจากนั้นมันยังดูสกปรก ไม่น่าซื้อ ยิ่งถ้าฝุ่นเกาะบนสินค้า ยิ่งจะทำให้สินค้าดูเก่า และขายไม่ออกในที่สุด
ฉะนั้นคุณต้องหมั่นทำความสะอาด ทั้งสินค้า, ชั้นวาง, ตู้แช่, เคาน์เตอร์ และทุกซอกทุกมุมในร้านขายของชำของคุณอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี และภาพลักษณ์ที่สวยงามของร้านค้านั่นเองค่ะ
6. บริการเพิ่มเติมเรียกลูกค้าได้
สำหรับการจัดร้านขายของชำให้น่าเข้า คุณไม่จำเป็นต้องนำแค่สินค้ามาขายอย่างเดียว แต่ถ้าคุณสามารถเพิ่มบริการต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้คนในชุมชน จะยิ่งเพิ่มความนิยมให้กับร้านของคุณได้หลายเท่าเลยทีเดียว
ตัวอย่างเช่น
- บริการตู้เติมเงินมือถือ
- บริการตู้กดน้ำหยอดเหรียญ
- บริการตู้ ATM
- ปั๊มน้ำมันขนาดย่อม
ซึ่งบริการเพิ่มเติมเหล่านี้จะสามารถเรียกลูกค้าให้มาซื้อของและมาใช้บริการที่ร้านของคุณได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างตู้บุญเติม
7. สร้างชุมชนให้เกิดขึ้นที่ร้าน
การเปิดร้านขายของชำ ไม่ใช่ว่ามีสินค้ามาวางเรียงกันแล้วลูกค้ามาซื้อ แค่นั้นก็จบ แต่ “การสร้างชุมชน” ให้เกิดขึ้นที่ร้านค้า คือกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ
เพราะจะทำให้ทุกคนในหมู่บ้าน หรือคนในชุมชนนั้น ๆ ได้มีจุดศูนย์กลางมารวมตัวกันและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้ แล้วจะจัดร้านขายของชำของคุณยังไงได้บ้างล่ะ?
-
นำโต๊ะม้าหินอ่อนมาวางไว้หน้าร้าน
ตัวอย่างการสร้างชุมชนให้เกิดขึ้นที่ร้านขายของชำ
ถ้าคุณมีพื้นที่หน้าร้านมากพอ การนำโต๊ะหรือม้าหินอ่อนมาวางไว้เป็นที่สำหรับนั่งรอหรือพื้นที่สำหรับให้คนมาพูดคุยกันตรงนี้ได้ หรือใครที่อยากจะซื้อสินค้าแล้วมานั่งกินนั่งดื่มตรงโต๊ะ ก็ทำได้เช่นกัน
คุณอาจจะหาหนังสือพิมพ์มาวางไว้ใกล้ ๆ เพื่อให้พวกเขาได้อ่านหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน แนวทางนี้จะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในชุมชนที่ร้านค้าของคุณได้
-
เป็นศูนย์กลางกระจายข่าวสาร
เวลาที่คนในชุมชนมีเรื่องอะไรที่อยากจะบอกต่อกัน ก็สามารถนำประกาศต่าง ๆ มาติดไว้ที่ร้านค้าของคุณได้ เพื่อบอกต่อข่าวสารและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในชุมชนเอง รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ร้านค้าของคุณต่อคนในชุมชนด้วย
8. ตกแต่งร้านตามเทศกาล
เมื่อถึงช่วงเทศกาล ถ้าคุณจัดร้านขายของชำให้มีธีมตามเทศกาลนั้น ๆ จะยิ่งช่วยเพิ่มสีสันให้ร้านของคุณ ลูกค้าจะรู้สึกแปลกใหม่ รู้สึกว่ามีอะไรมาอัพเดทให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น
- งานทอดผ้าป่า
หากในช่วงนั้นมีงานบุญ งานทอดผ้าป่า คุณก็อาจมีส่วนร่วมด้วยการ ทำต้นผ้าป่ามาตั้งไว้ที่เคาน์เตอร์ เพื่อให้ลูกค้าที่มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญก็ได้
- เทศกาลปีใหม่
จัดร้านด้วยพู่สายรุ้ง ต้นคริสมาสต์ต่าง ๆ ให้ดูเข้ากับบรรยากาศ ในวันปีใหม่ก็อาจจะทำโปรโมชั่นสำหรับคนที่ซื้อของครบ 100 บาท ได้ฉลาก 1 อันเพื่อลุ้นของขวัญก็ได้ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มยอดขายและเข้ากับสถานการณ์ได้ดีอีกด้วย น่าสนุกดีนะคะ
- เทศกาลสงกรานต์
จัดโต๊ะสรงน้ำพระไว้ที่บริเวณหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้สรงน้ำพระเนื่องในวันสงกรานต์
- เทศกาลลอยกระทง
ทำกระทงขาย ก็เป็นการมีส่วนร่วมกับคนในชุมชน และยังช่วยเพิ่มทางเลือกของสินค้าในร้านของคุณให้มีหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วย
- เทศกาลคริสต์มาส
ยุคสมัยนี้เทศกาลในฝั่งสากลเป็นที่นิยมมาก หากคุณจัดร้านขายของชำตามเทศกาลคริสต์มาส เช่น การซื้อต้นคริสต์มาสมาประดับหน้าร้าน มีซานต้าคลอส มีกวางเรนเดียร์ หรือตกแต่งไฟต่าง ๆ มีการแจกขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ลูกค้าที่มาซื้อ ก็เป็นการสร้างบรรยากาศน่ารัก ๆ ในร้านของคุณได้เป็นอย่างดี
ยังมีเทศกาลอีกมากมายที่คุณสามารถจัดร้านขายของชำให้ตรงกับช่วงนั้น ๆ ได้ เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่และเพิ่มยอดขายได้ ยังไงก็ลองนำไปปรับใช้ดูนะคะ
9. ใช้ต้นไม้เพิ่มบรรยากาศ
ถ้าคุณต้องการเพิ่มชิวิตชีวาให้ร้านค้าของคุณล่ะก็.. “ลองใช้ต้นไม้ดูสิคะ”
การจัดร้านขายของชำด้วยการนำต้นไม้ต่าง ๆ มาวางประดับไว้ จะช่วยให้ร้านค้าของคุณดูมีชีวิตชีวาน่าสนใจมากขึ้น และมันยังสามารถสร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการประดับตกแต่งร้านค้าที่ง่ายและราคาไม่แพงอีกด้วย
Joey-Michelle Hutchinson รองประธานของ CallisonRTKL ให้สัมภาษณ์กับ Retail Focus ว่า
“การมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้นในสภาพแวดล้อมของร้านค้าปลีก ทำให้ผู้คนรู้สึกน่าดึงดูดใจกว่าเดิม
ซึ่งจะช่วยลดระดับความเครียดของลูกค้าและเพิ่มเวลาในเดินซื้อของได้”
เขายังกล่าวเสริมอีกว่า ต้นไม้ยังช่วยฟอกอากาศและเพิ่มคุณภาพอากาศภายในอาคาร อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวดูดซับเสียงและลดมลพิษทางเสียงด้วย (อ้างอิงจาก retail-focus.co.uk )
รู้แบบนี้แล้ว ต้องรีบไปซื้อต้นไม้มาวางประดับร้านค้าของคุณแล้วล่ะค่ะ
✔ สรุป
การจัดร้านขายของชำให้น่าเข้าและดึงดูดลูกค้ามีวิธีที่หลากหลายมาก ทั้งหมดก็เป็น “แนวทางส่วนหนึ่ง” จากผู้เขียน ที่คุณสามารถนำไปใช้ในการเริ่มต้นเปิดร้าน หรือแม้กระทั่งจะขยายร้าน หากสรุปทบทวนเนื้อหาทั้งหมด ทริคต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากจะมีดังนี้
- 1. จัดชั้นวางสินค้า ⎯ จัดชั้นวางสินค้า ตู้แช่ และเคาน์เตอร์คิดเงินตามพื้นที่ของร้านคุณ
- 2. สร้างธีมของร้าน ⎯ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีตั้งแต่แรกเห็นด้วยการใช้ชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์คิดเงินสวย ๆ ที่เข้าธีม
- 3. จัดเรียงสินค้าให้น่าซื้อ ⎯ แบ่งหมวดหมู่สินค้า, วางสินค้าขายดีระดับสายตา, สินค้าชิ้นเล็กเรียงด้านบน ชิ้นใหญ่ไว้ด้านล่าง, แยกสินค้าที่เป็นสารเคมีกับอาหารออกจากกัน, มีสินค้าสำหรับเด็ก
- 4. สร้างทางเดินให้ทั่วถึง ⎯ จัดพื้นที่ให้โล่งโปร่งแบบพอเหมาะสำหรับการเดินแบบไม่เบียดเสียดกัน หลีกเลี่ยงทางตันหรือทางคับแคบ
- 5. ร้านสะอาดและสว่าง ⎯ จัดแสงสว่างให้เพียงพอทุกมุม ปัดฝุ่นบนชั้นวางสินค้า ทำความสะอาดร้านอยู่เสมอ
- 6. บริการเพิ่มเติมเรียกลูกค้าได้ ⎯ เช่น ตู้เติมเงินมือถือ ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ ปั๊มน้ำมันขนาดย่อม
- 7. สร้างชุมชนให้เกิดขึ้นที่ร้าน ⎯ เช่น นำโต๊ะม้าหินอ่อนมาวางไว้หน้าร้าน
- 8. ตกแต่งร้านตามเทศกาล ⎯ เช่น ตกแต่งร้านในเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง คริสต์มาส
- 9. ใช้ต้นไม้เพิ่มบรรยากาศ ⎯ นำต้นไม้มาวางประดับไว้ ช่วยให้ร้านค้าของคุณดูมีชีวิตชีวาน่าสนใจมากขึ้น
แม้ว่าสมัยนี้จะมีร้านสะดวกซื้อที่เป็นเจ้าใหญ่เพิ่มมากขึ้น แต่เราคิดว่า ถ้าคุณลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ อย่างไรซะ มันจะช่วยให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าในร้านขายของชำของคุณเพิ่มขึ้นแน่นอนค่ะ 🙂 และอย่าลืมติดตามบทความอื่น ๆ ของ PN Storetailer ด้วยนะคะ 🥰
ขอบคุณแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมจาก
- 14 Retail Display Ideas to Try in Your Store by vendhq
- ค้าขายของชำยังไปต่อได้ แค่มีหลายอย่างที่ต้องปรับตัว กรณีศึกษาจากภารกิจแม็คโครช่วยโชห่วย by themomentum
- การจัดการร้านค้าปลีก “8 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ” by siammakro
บทความแนะนำ
พ.ย.