รอดไม่รอด? 5 ปัจจัยที่มีผลต่ออนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง

หน้าปกบทความ อนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง

(เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2021, อัปเดตล่าสุดตามที่ขึ้นใต้หัวข้อ)

สำหรับคนที่คิดอยากเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง แน่นอนว่าจะต้องมีการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ว่าการลงทุนเปิดกิจการประเภทนี้ จะมีความเสี่ยงอะไรหรือไม่? รวมถึงอนาคตร้านวัสดุก่อสร้างว่าจะเป็นอย่างไร รอดหรือไม่รอดหากอยากทำธุรกิจนี้ในยุคนี้

PN Storetailer จะมาวิเคราะห์ให้ทราบว่าอนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง ควรจะไปไหนทิศทางไหน และ 5 ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจก่อสร้างอย่างไร ตามเรามาอ่านได้เลยค่ะ

ตามที่เราได้ศึกษาข้อมูลการวิจัยของ K SME Analysis หรือการวิจัยของธนาคารกสิกรไทย เรื่อง “ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง ปรับกลยุทธ์รุกและรับฝ่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 59”

เราได้นำข้อมูลที่น่าสนใจ, หัวข้อ, รวมถึงเนื้อหาบางส่วนมาทำการวิเคราะห์และใส่ความเห็นข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เข้ากับยุคปัจจุบันให้มากขึ้นตามแบบของเรา ยังไงก็ลองพิจารณาดูนะคะ

5 ปัจจัยที่มีผลต่ออนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง

1. ทำเลต้องดี

ไม่ว่ายุคไหนก็เป็นเรื่องที่เน้นย้ำมาก ๆ ว่ามันสำคัญที่สุดของอนาคตร้านวัสดุก่อสร้าง ว่าจะรอดหรือไม่รอด … เพราะการจะเปิดร้านวัสดุก่อสร้างนั้น จะต้องมีทำเลที่ดีตั้งแต่แรก ถึงจะมีลูกค้าแวะเวียนมาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย เรามาดูตัวอย่างทำเลที่ดีกันค่ะ 

ทำเลร้านวัสดุก่อสร้าง

ภาพตัวอย่าง ทำเลร้านวัสดุก่อสร้าง ห้าแยกกรุ๊ป

  • ติดถนนใหญ่

โดยคุณจะต้องพิจารณาจากตำแหน่งที่ตั้งที่ลูกค้ามองเห็นร้านได้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้มีลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำเข้ามาในร้าน 

  • การเดินทางสะดวก

จะต้องอยู่ในย่านที่เดินทางไปถึงง่ายและสะดวก เพราะต้องมีรถขนส่งวิ่งเข้า-ออก อยู่ประจำ 

  • มีที่จอดรถที่กว้างขวาง 

ที่จอดรถต้องมีความกว้างขวาง รองรับทั้งรถขนส่ง และรถของลูกค้า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อร้านวัสดุก่อสร้าง จะต้องมีรถเพื่อมาขนของกลับไป และต้องซื้อหลายอย่างด้วยกัน          

  • มีป้ายสัญลักษณ์ 

คุณควรทำป้ายให้ชัดเจนว่าคุณเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ผู้คนมองเห็นแล้วรู้ว่ามีร้านของคุณอยู่  และร้านของคุณกำลังขายอะไร หากคนที่ต้องการค้นหาร้านก่อสร้าง จะได้เข้ามาซื้อได้แบบไม่ลังเล            

  • ขนาดของร้านมีความสัมพันธ์กับตลาด

ตลาดในที่นี้หมายถึง ต้องสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายบริเวณนั้น ถ้ากลุ่มเป้าหมายไม่ใหญ่มาก ก็อย่าพึ่งเริ่มเปิดร้านที่ใหญ่ เพราะมีโอกาสจมทุนสูง จำนวนรายการสินค้าที่จะขาย ก็จะต้องมีความพอดีกับขนาดของร้าน โดยแบ่งพื้นที่ไว้เป็นคลังสินค้า และบริเวณจอดรถขนถ่ายสินค้า

  • หลีกเลี่ยงการแข่งขัน

ควรเลือกบริเวณที่มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างหรือคู่แข่งในพื้นที่ไม่เยอะ ยิ่งคู่แข่งน้อยยิ่งดี เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขัน รวมถึงลูกค้าจะได้เข้ามาที่ร้านของเราเป็นตัวเลือกแรก ๆ

✎ “ทำเลดี = มีชัยไปกว่าครึ่ง”

2. การบริการต้องเลิศ

ยุคสมัยนี้การให้บริการที่ดีมีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคมักจะมีตัวเลือกเยอะแยะมากมาย ถ้าเราบริการได้ไม่ถูกใจเราก็มีโอกาสที่จะเสียลูกค้าไปโดยปริยาย มิหนำซ้ำเกิดการพูดปากต่อปาก หรือเผยแพร่ต่อหากเราบริการได้ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร้านได้นั่นเอง 

ยิ่งเป็นตลาดร้านอุปกรณ์ก่อสร้างควรโฟกัสไปที่การบริการมากกว่าราคาสินค้า เพราะลูกค้าส่วนมากมักจะมาที่ร้านวัสดุก่อสร้างด้วยปัญหา (ปัญหาที่ว่า คือปัญหาที่พวกเขาต้องการจะแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ได้โครงสร้างการก่อสร้างที่มีคุณภาพ) 

ในการบริการจึงควรมีการจัดหาสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า มีคำแนะนำที่ถูกต้องตรงประเด็น แก้ไขได้ตรงจุดกับสิ่งที่ลูกค้าเจอ และยังต้องมาในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย 

ส่วนใหญ่แล้ว ลูกค้ามักมีการเปรียบเทียบราคาระหว่างสินค้าแต่ละตัว รวมถึงราคาของร้านค้าแต่ละร้านด้วย หากร้านของคุณราคาไม่แพงเกินกว่าร้านคู่แข่งและมีบริการขนส่งที่รวดเร็ว ก็น่าจะสามารถทำยอดขายได้ไม่ยากนัก 

พนักงานร้านวัสดุก่อสร้างบริการลูกค้า

นอกจากนี้ “การให้บริการที่ครบวงจร” ก็นับเป็นกลยุทธ์ที่ควรให้ความสำคัญหากคุณมีทุนมากพอ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น

  • การออกแบบ
  • การติดตั้ง
  • การซ่อมแซม 
  • ให้บริการตรวจเช็ค 
  • ทำความสะอาด 
  • เปลี่ยนสุขภัณฑ์
  • การทาสี
  • การปรับปรุงบ้าน เป็นต้น

เนื่องจากปัจจุบันการจะหาช่างซ่อมแซม ตกแต่งบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้รายได้ส่วนนี้จะไม่ใช่รายได้หลักและมีสัดส่วนไม่มาก แต่ถือเป็นจุดขายที่น่าจะสร้างความพอใจให้กับลูกค้าและดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าและใช้บริการร้านของคุณได้เป็นอย่างดี

ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดที่เรากล่าวมาก็ได้ อาจจะหยิบมาบางส่วนเป็นจุดขายหลักของร้านคุณ เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้นั่นเอง 

นอกจากนี้การบริการภายในร้านในเรื่องของการเทคแคร์ลูกค้า, การพูดจาที่ดี, การยิ้มแย้มแจ่มใส ก็มีผลต่อธุรกิจเช่นเดียวกัน ลองอ่านเรื่องเพื่อเทคนิคการบริการที่ดีขึ้น  20 ไอเดียการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ที่ควรนำไปทำตาม” 

✎  “การมีบริการที่ดี = ช่วยให้กิจการไปได้สวย”

3. เงินทุนต้องหนา

แน่นอนว่ากิจการร้านวัสดุก่อสร้างจำเป็นต้องใช้เงินหมุนเวียนจำนวนมาก เพราะต้องมีสินค้าคงคลังพร้อมขายตลอดเวลา หากเงินทุนไม่พอก็อาจจะเกิดปัญหาสภาพคล่องและนำไปสู่การเกิดภาวะขาดทุนที่ส่งผลต่ออนาคตร้านวัสดุก่อสร้างได้ 

ฉะนั้นคุณจะต้องมีเงินทุนไว้มากพอ และควรมีเงินสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย เพราะความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ

ซึ่งความเสี่ยงของธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้างคือ “ค่าใช้จ่ายประจำ” ที่ต้องจ่ายอยู่ตลอดการค้าขาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าซื้อของมาเติม, ค่าจ้างพนักงาน, ค่าปรับปรุงร้าน, ค่าปรับปรุงบริการ รวมถึงค่าโฆษณาโปรโมทร้านค้าและทำการตลาด 

เจ้าของร้านจึงควรมีการบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายที่ดีมากพอสมควร อาจจะต้องมีนักบัญชีเพื่อทำในส่วนนี้โดยเฉพาะ จะได้รู้ว่าควรจัดสรรปันส่วนอย่างไรให้ถูกต้อง

รวมถึงการใช้จ่ายในเรื่องของสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ หมั่นตรวจเช็คอย่าให้สินค้าตกค้างในสต๊อกเยอะจนเสื่อมคุณภาพ เพื่อไม่ให้มีการซื้อของไปแล้วต้องทิ้ง 

✎ “มีเงินทุนเยอะ = ลดโอกาสที่จะเกิดการขาดทุน”

4. ความรู้เกี่ยวกับสินค้าต้องแน่น

เจ้าของร้านหรือพนักงานในร้าน ควรจะต้องมีทักษะความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่วางจำหน่ายภายในร้านพอสมควร เพราะบางครั้งลูกค้ามาหาสินค้าบางอย่าง แต่พวกเขาอาจจะเรียกไม่ถูกว่ามันคืออะไร หรือไม่ลูกค้าก็อาจจะหยิบตัวอย่างสินค้าจากที่บ้านมา

ดังนั้นคนที่ขายสินค้าในร้านจะต้องรู้ทันทีว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นคืออะไร หรือมันสามารถใช้วัสดุก่อสร้างชิ้นไหนทดแทนได้บ้าง 

โดยแหล่งความรู้ที่นำมาใช้ก็อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้ประกอบการเอง, จากการพูดคุยกับลูกค้า, จากการศึกษาในอินเทอร์เน็ต, ศึกษาในคู่มือสินค้านั้น ๆ ซึ่งก็ต้องเรียนรู้เยอะมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ 

หากอยากรู้เรื่อง เทคนิคการขายวัสดุก่อสร้างยังไง.. ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ << คลิกอ่านได้เลย 

พนักงานร้านวัสดุก่อสร้างเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้า

ขณะเดียวกันคุณจำเป็นต้องพิจารณาคัดเลือกพนักงานขายสินค้า และคนขับรถขนส่งสินค้าที่มีทักษะความสามารถที่ดีด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากความเสียหายในขณะขนส่งสินค้าเมื่อถึงมือลูกค้า

อีกทั้งยังต้องมีการประเมินคู่แข่งด้วย โดยจะต้องประเมินครอบคลุมทั้ง 4 ด้านนี้ ได้แก่ 

  • ความสามารถทางการผลิต 
  • คุณภาพสินค้า 
  • คุณภาพการให้บริการ 
  • ความสามารถในการจัดส่ง

เมื่อประเมินแล้ว ก็นำมาวิเคราะห์ว่ามีข้อไหนที่เขาได้เปรียบเรา มีข้อไหนที่เขาเสียเปรียบเรา แล้วเราควรพัฒนาไปในทิศทางไหน เพื่อที่จะได้ปรับปรุงร้านของตัวเองให้ตอบสนองลูกค้ามากที่สุดค่ะ 

✎ “มีความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ = จะช่วยให้ร้านมีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ ลูกค้ามั่นใจที่จะมาซื้อสินค้าร้านเรา”

5. ต้องสร้างเครือข่ายเพื่อการเติบโต

การสร้างเครือข่าย สามารถสร้างได้ด้วยการเป็นพันธมิตรคู่ค้ากับ 4 พันธมิตรหลัก นั่นก็คือ

  •  ตัวแทนจำหน่ายของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ 

เพื่อจะได้สินค้าที่ถูกกว่า หลากหลายมากกว่า และมีข่าวสารอะไรเกี่ยวกับวงการธุรกิจก่อสร้าง เขาจะได้นำมาแบ่งปันให้กับเราได้

  • ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายอื่น 

อาจจะมองว่าพวกเขาเป็นคู่แข่ง แต่การทำพันธมิตรไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะพวกเขาอาจจะช่วยเหลือคุณได้ในบางเรื่อง อาศัยการเกื้อกูลกัน 

เช่น วัสดุก่อสร้างบางอย่าง เราไม่ได้สต๊อกไว้ก็สามารถซื้อจากพวกเขามาจำหน่ายตอได้ หรืออาจจะแนะนำไปที่ร้านของพวกเขาเลย แล้วไปตกลงกันว่า ‘สินค้าตัวนี้ ผมไม่มี ผมจะแนะนำลูกค้าไปที่ร้านของคุณนะ’ 

ถ้าเขาเห็นน้ำใจของคุณและเขามีจิตใจที่ดีเช่นกันในการค้าขาย เมื่อสินค้าตัวไหนที่เขาไม่มี เขาจะแนะนำมาที่ร้านของคุณอย่างแน่นอน

  • ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อย

สินค้าบางรายการที่ร้านของคุณจัดซื้อไว้ในสต๊อกจำนวนมาก แล้วคาดว่าจะมาสามารถขายออกไปได้ในเวลาที่สมควร คุณก็สามารถนำไปขายต่อในราคาส่ง กับร้านวัสดุก่อสร้างรายย่อยได้ เพื่อเป็นการกระจายสินค้า และช่วยให้ร้านรายย่อยมีสต๊อกสินค้าเอาไว้ขายอีกด้วย 

  • บรรดาช่างรับเหมาก่อสร้าง

ผูกมิตร, พูดคุยแลกเปลี่ยน, สร้างความคุ้นเคยกับช่างรับเหมาก่อสร้างเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าร้านของคุณเป็นกันเองและน่าเข้าหา เมื่อพวกเขามีงานเข้ามา ร้านแรกที่นึกถึงจะเป็นร้านของคุณ แล้วคุณก็จะมีลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาที่ร้านของคุณ เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมเลยแหละ 

✎ “มีเครือข่ายที่ดี = ทำให้กิจการของร้านเติบโตและสร้างผลกำไรมากขึ้นได้ในอนาคต”

อ่านบทความน่าสนใจอื่น ๆ :

✔ สรุป

การที่อนาคตร้านวัสดุก่อสร้างจะไปได้รอดหรือไม่นั้น  5 ปัจจัยนี้มีผลต่อกิจการพอสมควรเลยค่ะ  ไม่ว่าจะเป็น  

  • ทำเลดี = กิจการมีชัยไปกว่าครึ่ง”
  • การมีบริการที่ดี = ช่วยให้ลูกค้าติดใจและกิจการไปได้สวย”
  • มีเงินทุนเยอะ = จะทำให้มีเงินหมุนเวียนคล่อง ลดโอกาสที่จะเกิดการขาดทุน”
  • มีความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ = จะช่วยให้ร้านมีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ ลูกค้ามั่นใจที่จะมาซื้อสินค้าร้านเรา”
  •  “มีเครือข่ายที่ดี = ทำให้กิจการของร้านเติบโตและสร้างผลกำไรมากขึ้นได้ในอนาคต”

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลให้การเปิดร้านวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นถ้าจะเปิดกิจการ คุณต้องมั่นใจว่าจะทำปัจจัยเหล่านี้เป็นไปตามเป้าหมายได้และมีประสิทธิภาพมากที่สุด แล้วต่อไปค่อยลิสต์ปัจจัยอื่น ๆ ขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ว่าจะเปิดร้านวัสดุก่อสร้างนี้ได้หรือไม่ ในขั้นตอนต่อไปนั่นเอง

Reference :

“ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง ปรับกลยุทธ์รุกและรับฝ่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 59” by ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ใส่ความเห็น