หลาย ๆ คนคงจะรู้จัก “ร้าน Miniso” กันดีใช่ไหมล่ะคะ มันเป็นร้านกิ๊ฟช็อปที่จะเห็นได้บ่อย ๆ ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ใครที่หลงเดินเข้าไป มักจะมีของติดไม้ติดมือออกมาตลอด (ตัวคนเขียนเองก็เช่นกัน U.U )
แล้วรู้มั้ยคะ? ว่า Miniso มีหน้าร้านมากกว่า 6,000 สาขาทั่วโลกเลยทีเดียว!!
เถ้าแก่คนไหน ที่กำลังอยากเปิดร้านกิ๊ฟช็อป มาทางนี้ด่วน ๆ เลยค่ะ เราจะมาบอกต่อโมเดลธุรกิจของ Miniso ให้คุณได้รู้กันว่า อะไรกันนะ? ที่ทำให้ Miniso ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ตามมาอ่านกันเลยค่ะ!! 🙂
เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟
ประวัติของร้าน Miniso
Miniso เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น ที่เกิดจากการร่วมก่อตั้งระหว่าง Miyake Junya ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นและ Ye Guofu ผู้ประกอบการชาวจีนรุ่นใหม่
ค่านิยมขององค์กรนี้คือ “สามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดของร้านกิ๊ฟช็อปได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชีย
แม้จะไม่ใช้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ตาม… แต่แบรนด์ Miniso ยังคงมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากเลยทีเดียวนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เป้าหมายการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีร้านค้ามากกว่า 6,000 แห่งทั่วโลก
นี่คือเหตุผล ว่าทำไมเราจึงต้องเรียนรู้ โมเดลธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จของพวกเขา เพื่อนำมาเป็นต้นแบบในการเปิดร้านกิ๊ฟช็อปของคุณนั่นเองค่ะ
ภาพจาก marketingtochina
ร้าน Miniso มีจุดเด่นยังไงบ้าง?
Miniso มีจิตวิญญาณที่เอาใจใส่ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริงค่ะ พวกเขายึดมั่นในผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ด้วยคุณภาพ และราคาที่จับต้องได้
(ส่วนใหญ่สินค้าจะมีราคาจำหน่ายระหว่าง 1 ถึง 30 ดอลลาร์ หรือในไทยก็ราคาตั้งแต่ 30 ไปจนถึง 8 ร้อยบาท)
ภายในร้าน Miniso มีสินค้าหลากหลายประเภท ที่เหมาะกับการเปิดร้านกิ๊ฟช็อปให้ลูกค้าเลือกสรรค่ะ ซึ่งก็มีสินค้าสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น
- ของใช้จิปาถะในบ้าน
- ของใช้ในครัวเรือน
- เครื่องสำอาง
- น้ำหอม
- เครื่องประดับ
ภาพจาก lamag
นอกจากนี้ในแต่ละสัปดาห์ จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่บน ชั้นวางสินค้า ซึ่งวิธีนี้ จะกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้ออย่างสม่ำเสมอ
คนก่อตั้งทั้งสอง ต้องการสร้างร้านค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่ขายของง่าย ๆ แบบร้านทั่วไป แต่ต้องการเข้าถึงวิถีชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง และเน้นการนำเสนอสินค้า ที่ช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพที่ดีให้กับผู้บริโภค
แนวคิดนี้.. ทำให้พวกเขาเปิดร้านค้าได้ถึง 1,000 แห่ง ใน 50 ประเทศทั่วโลก ภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี และสร้างยอดขายได้มากกว่า หนึ่งพันดอลลาร์ (หรือประมาณสามหมื่นล้านบาท) ในเวลาเพียง 5 ปี!!
คุณค่าของแบรนด์ Miniso
Miniso มีปัจจัยพื้นฐาน พวกเขามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการบริโภคที่มีคุณภาพอย่างชาญฉลาด
- ความเรียบง่ายของผลิตภัณฑ์ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะดูเข้าถึงง่ายในทุกเพศทุกวัย
- ความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ สินค้าตรงปก ไม่มีสินค้าชิ้นไหนชำรุดเสียหาย
- สินค้าคุณภาพดีที่สุด แม้ราคาจะถูก
- เลือกใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติ ทั้งรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และวัสดุที่ใช้
- ให้เกียรติผู้บริโภค จะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงความพอใจของผู้บริโภคเป็นหลัก
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม :
กลยุทธ์ของแบรนด์ Miniso
กลยุทธ์ของแบรนด์ Miniso กับการเปิดร้านกิ๊ฟช็อป จะเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าจำนวนมากในทุก ๆ วัน นอกจากนี้ยังพยายามที่จะนำสินค้าใหม่ ๆ มาขายที่ร้านในทุก 7 วัน
- สินค้าจะมีราคาถูก แต่ความถูกกว่าหรือแพงกว่าของสินค้าแต่ละชิ้น ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต ถ้าเป็นพลาสติก ก็จะถูกกว่าหน่อยค่ะ
- การออกแบบ จะมีความทันสมัย และเป็นที่นิยมสำหรับผู้คนโดยทั่วไป
- สถานที่ผลิตคือประเทศจีน ซึ่งต้นทุนการผลิตและแรงงานก็จะถูกลงมาเช่นกัน
- สินค้ามีคุณภาพสูง ในราคาที่ถูกและประหยัด โดยคุณภาพผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ถือเป็นจุดยืนหลักของแบรนด์เลยก็ว่าได้
- สโลแกน “ten yuan each, quality of life” ซึ่งก็หมายถึง จ่ายแค่ 10 หยวน ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
- ความล้ำสมัยและพัฒนาไม่หยุดยั้ง แบรนด์ยังให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าในการออกแบบการวิจัย โดยการทำงานร่วมกับนักออกแบบทั่วโลก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและสินค้าใหม่ ๆ
- ค้นคว้าเทรนด์ในต่างประเทศ เพื่อนำมาพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า ตั้งแต่สินค้าไปจนถึงร้านค้า ที่ได้รับการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ทำให้การช็อปปิ้งง่ายขึ้นและสนุกสนานมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งกลยุทธ์ที่เน้นการรับประกันคุณภาพของสินค้านี้ ช่วยให้ Miniso กลายเป็นร้านที่ได้รับความนิยมสูง เมื่อคนแห่กันไปซื้อ แน่นอนค่ะว่าผลที่ตามมาคือ ยอดขายทะลุเป้า ปังสุด ๆ
กลยุทธ์ “ถูกแต่ดี” จึงทำกำไรได้มากเลยทีเดียว
ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้แบรนด์มีการเติบโตและขยายสาขาไปได้ไกล และด้วยการรักษากลยุทธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ บวกกับการเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เป็นประจำ จึงมีแนวโน้มที่จะรักษาลูกค้าไว้ได้นานยังไงล่ะคะ
เพราะความแข็งแกร่งของกลุยุทธ์ต่าง ๆ ทำให้ Miniso สามารถขยายสาขาไปตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าปัจจุบัน Miniso จะมีสาขาอยู่แล้วในทุกทวีป แต่ก็ยังมีคู่แข่งมากมายผุดขึ้นมา พวกเขาจึงต้องเร่งรุดที่จะพัฒนาอยู่เสมอ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม เขาจึงประสบความสำเร็จ แม้จะไม่ได้เน้นขายทางออนไลน์ก็ตาม
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม :
✔ สรุป
เราสรุปบทเรียนจากเรื่องราวความสำเร็จของ Miniso ให้คุณได้ตามนี้ค่ะ เริ่มจากการที่มีคุณค่าที่ชัดเจนและแตกต่างจากการเปิดร้านกิ๊ฟช็อปทั่วไป
และยังปรับเปลี่ยนร้านให้เข้ากับเทรนด์ เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ
“แม้ราคาจะถูก ก็อย่าละเลยคุณภาพตามราคา”
และนี่จึงเป็นเหตุให้ Miniso มีร้านค้ามากกว่า 6,000 สาขาทั่วโลก เพราะพวกเขาสร้างแบรนด์ให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี และยังสร้างความภักดีของลูกค้า ให้พวกเขาแวะมาซื้อของที่ร้านซ้ำ ๆ
รู้แบบนี้แล้ว.. ไม่ว่าใครที่กำลังจะเปิดร้านกิ๊ฟช็อป หรือกำลังจะปรับปรุงให้ร้านดีขึ้น ลองนำแนวคิดของร้าน Miniso ไปปรับใช้กับร้านของคุณดูนะคะ
ถ้าอยากได้ความรู้ใหม่ ๆ อีก ก็ลองติดตามบทความอื่น ๆ ของ Pn Storetailer กันด้วยนะ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมจาก :
- Miniso: A success story in China by marketingtochina
- พาทัวร์!! แหล่งช้อปแหล่งใหม่ Miniso สินค้าราคาถูกเวอร์ by ifestyle.campus-star