อยากตั้งชื่อร้านให้ปัง!! ..ลองทำตาม 5 ข้อนี้

อยากตั้งชื่อร้านให้ปัง! ลองทำตาม 5 ข้อนี้

หลาย ๆ คนที่กำลังจะเริ่มต้นเปิดกิจการ มีแพลนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะติดตรงที่การ “ตั้งชื่อร้าน” อยู่ใช่ไหมล่ะคะ 

“คิดชื่อร้านไม่ออก ทำไงดี?”“ไม่รู้จะตั้งชื่อร้านว่าอะไรดี?”“ตั้งแบบไหนถึงจะดีนะ?” 

คำถามนี้เกิดขึ้นมากมายสำหรับคนที่กำลังจะเปิดร้านค้าต่าง ๆ แต่คำถามนี้จะหายไป ถ้าคุณได้ลองมาอ่านบทความต่อไปนี้จาก PN Storetailer เราจะมาบอกต่อเทคนิคตั้งชื่อร้านให้กับคุณ! ตามมาอ่านกันค่ะ ว่าจะมีอะไรบ้าง 😀 

1. ควรตั้งชื่อร้านที่สื่อความหมายและครอบคลุม

เทคนิคตั้งชื่อร้านที่ดี…ควรจะตั้งชื่อที่ทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงจุดประสงค์ของธุรกิจของคุณได้ทันที ประมาณว่าอ่านแล้วรู้เลยว่า ร้านของคุณขายอะไร

ลองมาดูตัวอย่างกันค่ะ

  • ร้านขายยา : ดีแคร์ฟาร์มาซี, สารพันยา, ไทยเจริญเภสัช, Save Drug
  • ร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยง : เจนจิเพ็ทช็อป, Pet Lovers Centre, ภูรี เพ็ทช็อป, DK Pet Mall
  • ร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ : เจเจ ฮาร์ดแวร์เฮาส์ , มงคลชัยฮาร์ดแวร์, ส.เจริญ โฮมสแควร์

เมื่อคุณตั้งชื่อที่สื่อความหมาย และครอบคลุมตามธุรกิจของคุณแล้ว คนทั่วไปก็จะสามารถเข้าใจได้ทันทีที่อ่าน ว่าร้านค้าของคุณขายอะไร

2. ควรตั้งหลาย ๆ ชื่อเผื่อเลือกและลองออกเสียงดูก่อน 

การตั้งหลาย ๆ ชื่อไว้ จะเป็นทางเลือก ให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้เพิ่มเติม ลองใช้เทคนิคตั้งชื่อร้าน ที่สามารถอธิบายถึงธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี

จากนั้นคุณก็ผสมชุดคำต่าง ๆ สลับไปมาดูนะคะ เผื่อได้ชื่อเก๋ ๆ แบบไม่ซ้ำใคร 

ตัวอย่างเช่น ☟

ถ้าคุณจะเปิดร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ คุณอาจจะคิดชื่อไว้ประมาณ 3 ชื่อ ระหว่าง Make it Bakery , BK Bakery equipment, BK kitchenware 

เมื่อได้ 3 ชื่อนี้แล้ว หลังจากนั้นก็ลองพูดออกเสียงชื่อนั้น ๆ ออกมา ว่าฟังแล้วเป็นยังไง ฟังแล้วดูดีหรือไม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอชื่อร้านที่ใช่และเหมาะสมที่สุดค่ะ

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม :

3. ควรตั้งชื่อร้านที่จำง่าย

คุณอาจจะคิดว่าตั้งชื่อร้านเป็นชื่อยาก ๆ มันจะสร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ได้ แต่ต้องตระหนักด้วยว่า.. ถ้ายากเกินไปลูกค้าก็จะจำไม่ได้เหมือนกัน

ถ้าอย่างนั้นลองตั้งชื่อง่าย ๆ แต่ออกเสียงแล้วจำได้ น่าจะเวิร์คกว่านะคะ 

ลองดูตัวอย่างกันค่ะ ☟

  • ร้านสะดวกซื้อ : 108 Shop, Happy Mart, FamilyMart, พีทีมาร์ท
  • ร้านเครื่องเขียน : B2S, จอยเครื่องเขียน, Loft,  Art box เครื่องเขียน 

4. ควรตั้งชื่อที่แตกต่างจากคู่แข่ง

ลองทำวิจัยการตลาดดูก่อน ว่าคู่แข่งของคุณ ใช้ชื่อธุรกิจว่าอะไร และพยายามมองหาสิ่งที่ต่างไปจากเดิม

ความยากของการตั้งชื่อร้านที่แตกต่างจากคู่แข่ง มันต้องสะท้อนความเป็นตัวของคุณเองและยังต้องสื่อถึงประเภทธุรกิจที่คุณทำด้วย อาจจะเริ่มจากการหาคำที่ไม่เหมือนใคร

เช่น ถ้าคุณ ขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับของขวัญ หลายๆคนอาจใช้คำว่ากิฟท์ช็อปต่อท้ายเสมอ แต่คุณอาจดัดแปลงจาก Gift เป็นคำภาษาอังกฤษคำอื่นอย่างคำว่า Legacy แล้วนำคำความหมายดีอื่น ๆ มาผสมกัน

ตัวอย่าง ☛  ร้านของขวัญชื่อ “Gleam Legacy” พอนำมารวมกันจะกลายเป็น ของขวัญที่แปล่งประกาย

การตั้งชื่อร้านแบบนี้ สินค้าของคุณอาจจะเน้นไปที่แนวเครื่องประดับ สร้อย, แหวน, กำไล ที่มันมีความวิบวับ เป็นต้นค่ะ (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง 300 ไอเดียตั้งชื่อร้านเครื่องสำอาง)

5. ควรทบทวนกับตัวเองสักพักเมื่อได้ชื่อแล้ว 

หลังจากที่คุณเลือกชื่อร้าน ให้กับธุรกิจคุณแล้ว ต่อมา.. คุณควรใช้เวลาในการทบทวนก่อนซัก 2-3 วัน ว่าชื่อนี้มันโอเคแล้วหรือยัง อาจจะลองร่างเป็นโลโก้เล่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ดูก่อนก็ได้

การที่คุณได้ชื่อร้านที่ลงตัวแล้ว ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีที่สุดเสมอไป ใช้เวลากับมันหน่อย เผื่อจะมีไอเดียเพิ่มเติมที่ทำให้ชื่อร้านของคุณปังกว่าเดิมก็ได้นะ

ลองพูดชื่อร้านนี้ ให้เพื่อนหรือคนใกล้ตัวช่วยตัดสินใจ (มีคนเคยบอกไว้ว่า..หลายหัว ยังไงก็ดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว)  จะได้เกิดความแน่ใจมากที่สุดว่าชื่อนี้เวิร์คแล้วจริง ๆ 

อ่านบทความเพิ่มเติม :

✔ สรุป

การตั้งชื่อร้านค้า มันอาจจะดูเหมือนง่าย แต่จริงๆแล้ว มันมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจเยอะแยะเหมือนกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคตั้งชื่อร้านให้ลูกค้าจำได้ง่าย, ตั้งให้แตกต่างจากธุรกิจอื่น, ตั้งชื่อร้านให้สื่อความหายและครอบคลุม 

ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นธุรกิจแล้ว.. แต่ยังไม่รู้จะตั้งชื่อร้านของคุณยังไง ก็ลองนำเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ และนำตัวอย่างที่เรานำมาให้ดูไปลองใช้กันดูน้าา เผื่อจะได้ชื่อร้านที่เป๊ะปัง ไม่ซ้ำใคร ไปใช้กับธุรกิจของคุณเองยังไงล่ะ

และหากอยากติดตามอ่านบทความดี ๆ เพิ่มเติมจาก ไปที่ PN Storetailer เลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มาเพิ่มเติมจาก  :

ใส่ความเห็น