เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟
1. Specialty Store คืออะไร?
Specialty Store คือ ร้านค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าเฉพาะอย่าง ในประเภทใดประเภทหนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีสินค้าอย่างหลากหลายในกลุ่มผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ร้านขายอุปกรณ์กีฬา, ร้านหนังสือ, ร้านขายเครื่องสำอาง, ร้านวัสดุก่อสร้าง, ร้านขายอุปกรณ์ไอที ฯลฯ
ถ้าอยากเห็นภาพชัดก็คือ Specialty Store จะตรงกันข้ามกับร้านแบบ Convenience Store หรือร้านสะดวกซื้อแบบ 7-Eleven ทุกอย่างเลย ( อ่านเพิ่มเติมเรื่องร้านค้าปลีก คลิกที่นี่เลยค่ะ – ร้านค้าปลีก คืออะไร? มีประเภทใดบ้าง พร้อมตัวอย่าง )
คุณจะเห็นว่าในเซเว่นจะมีของขายทุกอย่างทุกประเภทตั้งแต่ อาหาร, เครื่องดื่ม, ของใช้, ยารักษาโรค, เครื่องสำอาง แบบครอบจักรวาลเลยใช่มั้ยล่ะคะ
แต่ Specialty Store หรือร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง จะเน้นขายไปที่กลุ่มสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งไปเลย อย่างเช่น ร้าน Watsons ที่เป็นร้านแนว Health and Beauty หรือร้านประเภทเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง ก็จะนำสินค้าเกี่ยวกับความสวยความงาม, สกินแคร์, ผลิตภัณฑ์บำรุงผม, อาหารเสริม ที่เข้าไปแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ดูแลคุณตั้งแต่หัวจรดเท้าติดมือกลับมา เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบดูแลตัวเอง
หรือถ้าพูดอีกแง่มุมหนึ่งก็คือ Specialty Store สามารถนำเสนอสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการแบบครบถ้วนในส่วนที่ร้านค้าปลีกทั่วไปทำไม่ได้
2. ความแตกต่างที่ร้านอื่นให้ไม่ได้เหมือน Specialty Store
ความแตกต่างที่ว่านี้ จะเรียกว่าเป็นจุดแข็งของร้านค้าปลีกแบบเฉพาะอย่าง ที่ทำให้เจาะกลุ่มเป้าหมายก็ว่าได้ค่ะ
1) ความเชี่ยวชาญของคนขาย
เมื่อผู้บริโภคเลือกที่จะก้าวเข้าไปในร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง ก็สามารถสันนิษฐานได้แล้วว่า พวกเขากำลังมองหาสินค้าบางอย่างในหมวดหมู่ที่อยู่ในร้านค้านั้น ๆ และด้วยความที่คนขายรายนั้นเลือกที่จะเน้นผลิตภัณฑ์ไปที่หนึ่งหรือสองหมวดหมู่ ลูกค้าก็จะคิดว่าคนขายเป็นผู้เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ถ้าผู้เขียนพูดในฐานะผู้บริโภคแล้วล่ะก็ เราจะเชื่อคำแนะนำของพวกเขามากกว่าที่จะให้พนักงานร้านสะดวกซื้อทั่วไปแนะนำค่ะ
ตัวอย่างนะคะ
เวลาที่เราเข้าไปในร้าน Pet Shop เรามักจะสอบถามกับคนขายเกี่ยวกับความแตกต่างของยี่ห้ออาหารสัตว์ ว่าแบบไหนดีกว่ากัน หรือแบบไหนจะเหมาะกับสัตว์เลี้ยงของเรามากกว่า รวมถึงแนะนำอุปกรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง แน่นอนว่าคนขายจะสามารถแนะนำเราได้อย่างละเอียดลึกซึ้งมากกว่าเวลาที่คุณไปห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไปที่พนักงานจัดของก็ไม่สามารถแนะนำคุณได้
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ร้านขายยา
ทุกคนเคยเป็นไหมคะ เวลาไปร้านขายยา ถ้าซื้อกับร้านไหนแล้วถูกใจ ครั้งต่อไปก็จะซื้ออยู่แค่กับร้านเดียว หากเภสัชกรหรือคนขายยาร้านนั้นพูดแนะนำได้ดี ให้ความรู้เราเกี่ยวกับตัวยาเวลาไปซื้อได้ดี เราก็จะประทับใจ และเลือกที่จะกลับไปซื้ออยู่แบบนั้น
![ทำความรู้จัก Specialty Store พร้อม 8 ตัวอย่าง [เข้าใจง่าย] 7 ร้านขายยา](https://pnstoretailer.com/wp-content/uploads/2023/05/A-pharmacist-dispenses-medicine-pharmacy.jpg)
Specialty Store จึงมีข้อดีที่แตกต่างตรงความเชี่ยวชาญของคนขายนี่แหละค่ะ
2) สภาพแวดล้อมในร้าน
ร้านสะดวกซื้อทั่วไปจะให้ความสำคัญกับจัดร้านที่เน้นความสะดวกของลูกค้าในการค้นหาสินค้าทั้งหมดที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายที่สุด
แต่สำหรับเหล่าผู้ค้าปลีกที่เปิดร้านแบบเฉพาะทาง พวกเขามักจะให้ความสำคัญกับการจัดหาสภาพแวดล้อมเชิงบวกในร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ Enjoy กับการช้อปปิ้งในร้าน ให้ความสำคัญกับ แผนผังร้านค้า ที่มีความคล่องตัว และเน้นการตกแต่งร้านที่เข้ากับบรรยากาศ
ตัวอย่างเช่น ร้านเพ็ทเซ็นเตอร์ (Pet Center)
จากภาพจะเห็นได้ว่าร้านนี้เน้นการออกแบบป้ายแบรนด์ผลิตภัณฑ์บน ชั้นวางสินค้า เพื่อความสวยงามและเพื่อให้ลูกค้าสามารถหาผลิตภัณฑ์แบรนด์นั้นได้อย่างง่ายดาย
การตกแต่งสภาพแวดล้อมในร้านด้วยป้ายแบรนด์ / ดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ : เชลฟ์และแร็คจากร้านเพ็ทเซ็นเตอร์
3) การให้บริการแบบมีคุณภาพ
การตกแต่งสภาพแวดล้อมของร้านนั้นสำคัญ และสิ่งที่สำคัญกว่าคือ ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เป็นไปในเชิงบวกของลูกค้า เมื่อสร้างบรรยากาศที่ดีแล้ว คนขายจะต้องต้อนรับลูกค้า ช่วยเหลือพวกเขาตามความต้องการ และอาจให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์โดยอิงจากการซื้อที่ผ่านมา
แม้ว่าร้านแบบเฉพาะทางจะไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการช้อปแบบรวดเร็วเหมือนร้านสะดวกซื้อ แต่ลูกค้าจะได้รับบริการแบบมีคุณภาพที่ปรับแต่งให้เหมาะกับผู้บริโภคเป็นรายคนไป และนี่คือสิ่งที่ช่วยให้ผู้ซื้อคนนั้นกลับมาซื้อซ้ำอีกนั่นเองค่ะ
ซึ่งความท้าทายหลักที่ร้านค้าปลีกแบบเฉพาะทางจะต้องเผชิญคือ การนำเสนอประสบการณ์ภายในร้านอย่างดีเยี่ยมที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของคนขายในการให้บริการ
จึงทำให้การให้บริการเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันเหนือร้านค้าปลีกแบบสะดวกซื้อทั่วไป แน่นอนว่าพนักงานในร้านสะดวกซื้อไม่สามารถให้บริการแบบเชี่ยวชาญที่คนขายในร้านแบบเฉพาะทางทำได้ และไม่สามารถเลียนแบบความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้เทียบเท่ากับผู้ค้าเฉพาะทางเหล่านี้ได้
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
1) ร้านขายอุปกรณ์กีฬา
![ทำความรู้จัก Specialty Store พร้อม 8 ตัวอย่าง [เข้าใจง่าย] 14 ร้านขายอุปกรณ์กีฬา](https://pnstoretailer.com/wp-content/uploads/2023/05/1.-Sports-equipment-store.jpg)
ตัวอย่างร้านขายอุปกรณ์กีฬา
3) ร้านขายเครื่องสำอาง
![ทำความรู้จัก Specialty Store พร้อม 8 ตัวอย่าง [เข้าใจง่าย] 16 ร้านขายเครื่องสำอาง](https://pnstoretailer.com/wp-content/uploads/2023/05/3.-Cosmetic-shop.jpg)
5) ร้านขายอุปกรณ์ไอที
![ทำความรู้จัก Specialty Store พร้อม 8 ตัวอย่าง [เข้าใจง่าย] 18 ร้านขายอุปกรณ์ไอที](https://pnstoretailer.com/wp-content/uploads/2023/05/5.-IT-equipment-Shop.jpg)
7) ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่
![ทำความรู้จัก Specialty Store พร้อม 8 ตัวอย่าง [เข้าใจง่าย] 20 ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่](https://pnstoretailer.com/wp-content/uploads/2023/05/7.-Bakery-equipment-store.jpg)
ตัวอย่างร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ / ดูภาพเพิ่มเติมที่ : ร้าน The Baking Club by PN
4. จุดที่ควรพิจารณา
แน่นอนว่าการเลือกเล่นกับลูกค้าตลาดใดตลาดหนึ่ง ผู้ค้าปลีกในร้านค้าแบบ Specialty Store ก็มักจะประสบปัญหาบางอย่าง ก็คือถ้าตลาดของพวกเขาการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์และเศรษฐกิจช่วงนั้น ร้านค้าปลีกแบบนี้จะได้รับผลกระทบมากกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไป
พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าสมมติว่าคุณกำลังเปิดร้านขายชุดนักเรียน ในช่วงที่ Covid19 กำลังระบาด อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำยอดขายพุ่งได้ในช่วงนี้ เพราะโรงเรียนต่างก็ปิดกันหมด ทำให้เด็กนักเรียนต้องเรียนออนไลน์และไม่จำเป็นต้องซื้อชุดนักเรียนในช่วงนี้ ซึ่งอาจทำรายได้ลด, ขาดทุน และอาจส่งผลร้ายแรงจนถึงขั้นต้องปิดร้านไป
ดังนั้นก่อนที่จะเปิดร้านแบบ Specialty Store ก็ควรพิจารณาแบบถี่ถ้วนและรอบด้าน พิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยว่าเปิดร้านประเภทไหน ถึงจะสามารถทำยอดขายต่อไปได้เรื่อย ๆ แบบที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดค่ะ
✔ สรุป
ร้านแบบ Specialty Store แต่ละประเภทต่างก็ถือครองพื้นที่ในการค้าขายเป็นของตัวเอง และร้านค้าเหล่านี้ ก็เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับลูกค้าที่ต้องการบริการที่เหมาะกับพวกเขา มีสินค้าครบครัน มีทางเลือกในการซื้อสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการพวกเขามากขึ้น
ฉะนั้นร้านค้าปลีกประเภทนี้ ก็ยังเป็นที่นิยมและยังสามารถหาลูกค้าได้อยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าคนที่เปิดร้านนั้น ๆ จะมีปัจจัยที่ส่งเสริมการขายของเขามากน้อยแค่ไหนนั่นเองค่ะ
Sources :
- What Is Specialty Retail? – iqmetrix.com
- What is a Specialty Store? (with pictures) – infobloom.com
Credit Pictures :
- 7-Eleven – fortune.com
- Watsons – retailinasia.com
บทความแนะนำ
ไอเดียแต่งร้านกิ๊ฟช็อปที่คุณเห็นแล้วต้องร้อง Wow!
พาทุกคนไปท่องโลกของความน่ารัก ใครที่อยากได้ไอเดียแต่งร้านกิ๊ฟช็อป จะต้องสนุกสนานแล้วได้ความครีเอทกลับไปรีโนเวทร้านกิ๊ฟช็อปของคุณซักไอเดียแน่ ๆ
เม.ย.
11 ไอเดียสุดครีเอท ตกแต่งร้าน Pet Shop ยังไงให้น่าจดจำ [อัพเดตรูป 2022]
ไอเดียการตกแต่งร้าน Pet Shop สุดครีเอทแบบเก๋ ๆ ช่วยให้คนที่อยากเปิดร้านเพ็ทช็อปหรืออยากแต่งร้านใหม่ นำไปเป็นตัวอย่างในการออกแบบสร้างสรรค์ร้าน
เม.ย.
ร้าน Miniso ต้นแบบการเปิดร้านกิ๊ฟช็อป ที่มี 6,000 สาขาทั่วโลก!
ใครที่กำลังอยากเปิดร้านกิ๊ฟช็อป มาทางนี้ด่วน ๆ ค่ะ เราจะมาบอกต่อโมเดลธุรกิจของร้าน Miniso ให้คุณได้รู้กันว่า อะไรกันนะ? ที่ทำให้ประสบความสำเร็จขนาดนี้
เม.ย.